สามีภรรยาคู่นี้ คือ นายอับเดล ฮาคิม เบลฮาจ และนางฟาติมา บูดชาร์ พวกเขาใช้เวลาถึง 6 ปีในการติดตามเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษสืบสวนและยินยอมขอโทษ กับการที่คนของอังกฤษมีบทบาทช่วยทำให้พวกเขาถูกกักขังและถูกพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบีย นำตัวไปกักขังและทรมานในฐานะเป็นผู้เห็นต่าง
ล่าสุด รัฐบาลอังกฤษโดยนางเมย์มีจดหมายขอโทษบุคคลทั้งสอง ยอมรับว่าสายลับของอังกฤษมีบทบาทในการช่วยให้สำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ หรือซีไอเอ ลักพาตัวพวกเขา เท่ากับมีส่วนสนับสนุนให้พวกเขาถูกกักขังและทรมานด้วย นายเจเรมี ไรท์ อัยการอังกฤษเป็นผู้อ่านจดหมายของนางเมย์ในที่ประชุมรัฐสภาที่มีนายเบลฮาจ นางบูดชาร์ และบุตรชาย เข้าร่วมฟัง
ชิคาโก้ทริบูนรายงานว่า เบลฮาจเป็นอดีตนักสู้ของกลุ่มลิเบียน อิสลามิค ไฟติ้ง กรุ๊ป (LIFG) ซึ่งต่อต้านพันเอกกัดดาฟี เขาถูกลักพาตัวในประเทศไทยเมื่อปี 2004 พร้อมด้วยนางบูดชาร์ภรรยา และถูกส่งตัวไปยังลิเบีย ที่ซึ่งพวกเขาถูกกักขังและทรมาน นางบูดชาร์ซึ่งตั้งครรภ์กว่าสี่เดือนแล้วในเวลานั้นเปิดเผยว่า เธอเองถูกทรมานจนกระทั่งเมื่อใกล้คลอดจึงได้รับการปล่อยตัว และการคลอดลูกดังกล่าวก็เป็นการคลอดก่อนกำหนด ส่วนนายเบลฮาจถูกกักขังต่ออีก 6 ปี
คนทั้งคู่ระบุว่า สายลับของอังกฤษเป็นผู้ป้อนข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ซีไอเอของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคนลักพาตัวพวกเขา แต่นายเบลฮาจและนางบูดชาร์ถอนข้อเรียกร้องที่ให้รัฐบาลอังกฤษ รวมทั้งอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ คือ นายแจ็ค สตรอว์ และนายมาร์ค อัลแลน อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักข่าวกรอง หรือ เอ็มไอ 6 จ่ายชดเชย ซึ่งเบลฮาจไม่ได้ต่อรองเรื่องนี้แต่อย่างใด เขาเพียงแต่บอกว่าต้องการคำขอโทษจากรัฐบาลอังกฤษเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่อังกฤษระบุว่า เขาจะได้รับเงินชดเชยเป็นจำนวน 677,000 ดอลลาร์
จดหมายของนางเมย์ระบุว่า อังกฤษเสียใจอย่างมากต่อสิ่งที่นายเบลฮาจและนางบูดชาร์ได้ประสบและกับบทบาทที่อังกฤษได้ทำลงไป จดหมายกล่าวว่า อังกฤษเอาข้อมูลของคนทั้งสองมอบให้พันธมิตรระหว่างประเทศ
“เราควรจะพยายามมากกว่านั้นในอันที่จะลดความเสี่ยงที่พวกคุณจะได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สมควร เรายอมรับว่านี่เป็นความผิดพลาดของเรา”
จดหมายยอมรับว่า อังกฤษน่าจะตระหนักเห็นถึงพฤติกรรมที่รับไม่ได้ของผู้ที่อังกฤษถือว่าเป็นพันธมิตรระหว่างประเทศเร็วกว่านั้น ซึ่งในข้อที่ระบุว่าเป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้นี้ นสพ.เดอะการ์เดียนชี้ว่า นางเมย์น่าจะหมายถึงกระบวนการกักขังของทั้งลิเบียและซีไอเอ
ในช่วงการปฏิวัติลิเบีย มีการเปิดเผยเอกสารที่แสดงให้เห็นว่า สายลับอังกฤษมีบทบาทสนับสนุนในการลักพาตัวนายเบลฮาจและภรรยา หลักฐานดังกล่าวทำให้คนทั้งคู่เรียกร้องทวงคำขอโทษและการชดใช้จากอังกฤษ
ด้านเบลฮาจกล่าวในแถลงการณ์ว่ายอมรับคำขอโทษจากนายกรัฐมนตรีอังกฤษ รวมทั้งขอบคุณกลับด้วย บรรดาผู้แทนองค์กรสิทธิมนุษยชนที่มีส่วนร่วมในกระบวนการต่อสู้ของสามีภรรยาคู่นี้ต่างแสดงความพอใจกับเนื้อหาคำขอโทษของนางเมย์ โดยยอมรับว่าเป็นคำขอโทษที่แสดงความจริงใจ ช่วยเยียวยาจิตใจคนทั้งสองและช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขา
“ความยุติธรรมมาช้าก็จริง แต่อย่างน้อยก็ยังมีอยู่” มาร์ธา สเปอร์ริเออร์ แห่งกลุ่มลิเบอร์ตี้กล่าว
แต่สื่อรายงานด้วยว่า กระบวนการสอบสวนเพื่อเอาผิดทางอาญาบุคคลที่เกี่ยวข้องเช่นเจ้าหน้าที่เอ็มไอ 6 ไม่คืบหน้าแต่อย่างใด
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (8 พ.ค.) นิวยอร์กไทมส์ได้ตีพิมพ์ความเห็นของนางบูดชาร์ที่วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่เสนอชื่อนางจีนา แฮสเปล ให้มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการซีไอเอคนใหม่ แฮสเปลถูกกล่าวหาว่าจัดตั้งคุกมืดขึ้นในประเทศไทย อันเป็นสถานที่ที่สามีภรรยาคู่นี้เชื่อว่าพวกเขาถูกกักขังก่อนที่จะถูกนำตัวส่งไปให้กัดดาฟี
บูดชาร์บอกว่า การทรมานที่ร้ายแรงที่สุดไม่ได้มาจากน้ำมือของคนของกัดดาฟี แต่เกิดขึ้นระหว่างที่เธออยู่ในคุกมืดของซีไอเอที่อยู่ในไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: