น.ต. นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยถึงสถานการณ์ปัญหาเด็กและเยาวชนในขณะนี้ว่า น่าเป็นห่วง และกำลังเป็นปัญหาสังคมที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ต้องช่วยกันแก้ไขและป้องกัน โดยปัญหาเด็กและเยวชาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมที่พบมี 2 ลักษณะ คือเป็นผู้กระทำผิด กับถูกผู้อื่นกระทำ
ซึ่งข้อมูลจากรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ปี 2559 ระบุว่า เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา กระทำผิด 30,356 คน เฉลี่ยวันละ 83 คน ร้อยละ 93 เป็นชาย เกือบร้อยละ 90 มีอายุ 15-18 ปี ที่เหลือในช่วง 10-15 ปี เป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมากอันดับ 1 ร้อยละ 41 เช่น ยาบ้า สารระเหย, รองมาคือทรัพย์ ร้อยละ 20, ทำร้ายร่างกาย ร้อยละ 14, อาวุธและวัตถุระเบิด ร้อยละ 7 และพบว่าแนวโน้มการก่อคดีซ้ำของเด็กเพิ่มขึ้น โดยช่วง 3 ปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากร้อยละ 12 ในปี พ.ศ. 2555 เป็นร้อยละ 19 ในปี พ.ศ. 2558
นอกจากนี้ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ยังกล่าวต่อว่า ผลการศึกษาวิจัยของกรมสุขภาพจิตล่าสุดในปี 2558 พบว่า ในกลุ่มเด็กที่กระทำผิด ส่วนใหญ่ยังป่วยเป็นโรคทางจิตเวชอย่างน้อย 1 โรค สูงถึงร้อยละ 96 สูงกว่าเด็กทั่วไปถึง 5 เท่า ที่พบมากสุดคือ ความผิดปกติของพฤติกรรมการใช้สารเสพติด พบร้อยละ 84, รองมาคือ กลุ่มโรคเกเรต่อต้าน ร้อยละ 34, โรคจิตวิตกกังวลร้อยละ 11, โรคซึมเศร้าและโรคอารมณ์แปรปรวนร้อยละ 10, โรคสมาธิสั้นร้อยละ 7, โดยมีเด็กร้อยละ 79 หรือประมาณ 4 ใน 5 ป่วยทางจิตมากกว่า 2 โรค นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กเริ่มดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สูบกัญชา และยาบ้า เมื่ออายุ7-9 ปี หรือเท่ากับเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หรือ 3 ซึ่งผลที่ตามมาจะรุนแรงกว่า คือเด็กมีโอกาสเสพติดสูง และมีโอกาสป่วยทางจิตเวช ที่ต้องการการบำบัดรักษาที่ยุ่งยากซับซ้อนขึ้น
สำหรับปัญหาเด็กที่ถูกทารุณกรรม ข้อมูลจากศูนย์พึ่งได้ของโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศในปี 2558 มีเด็กถูกกระทำรุนแรง 10,712 คน เฉลี่ย 30 คนต่อวัน ในเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่จะถูกกระทำรุนแรงทางเพศโดยคนรู้จัก และถูกทุบตีทารุณทางกายและใจ3,108 คน ซึ่งผู้ปกครองส่วนหนึ่งยังเชื่อว่าการลงโทษเป็นสิ่งจำเป็นในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก กลุ่มเด็กที่ถูกกระทำรุนแรงนี้ จะมีผลต่อสมองและจิตใจ ทำให้พัฒนาการล่าช้า สติปัญญาลดลง เป็นเด็กเก็บกด จะต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟู เพื่อป้องกันผลกระทบทางจิตใจระยะยาว เพื่อให้เด็กสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้
อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวต่อไปว่า กรมสุขภาพจิตได้เร่งป้องกันปัญหา โดยส่งเสริมการเลี้ยงดูเด็ก การคัดกรองหาเด็กนักเรียนที่เป็นโรคทางจิตเวชเพื่อรักษา และให้สถาบันกัลยาณ์ฯ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเชี่ยวชาญด้านผู้ป่วยจิตเวชที่มีคดีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เร่งจัดระบบการดูแลเด็ก 2 กลุ่มนี้ร่วมกับกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบำบัดรักษาและฟื้นฟูให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของสังคมโดยเร็ว
ทางด้านนายแพทย์ศรุตพันธุ์ จักรพันธุ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวว่า สถาบันฯได้จัดประชุมบุคลากรที่เกี่ยวข้องคือจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น จิตแพทย์ทั่วไป และสหวิชาชีพ อาทิ พยาบาล นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักกิจกรรมบำบัดจากโรงพยาบาลจิตเวช และจากสถานพินิจฯ แนวทางความร่วมมือในปีนี้จะเน้น 2 เรื่องคือ การบำบัดดูแลเด็กที่กระทำผิด และการปกป้องสิทธิ์เด็กที่ถูกกระทำ ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน
ในการบำบัดรักษาเด็กที่กระทำผิด จะเน้นอย่างเต็มรูปแบบและต่อเนื่องหลังพ้นโทษ โดยให้สถานพินิจฯ ตรวจคัดกรองเด็กที่มีปัญหาป่วยทางจิตตั้งแต่แรกรับ และให้การดูแลบำบัดเบื้องต้น ในรายที่ไม่ดีขึ้นหรือมีภาวะฉุกเฉินทางจิตเวชจะมีระบบการส่งต่อเข้าบำบัดรักษาฟื้นฟูที่ รพ.จิตเวช เมื่อเด็กพ้นโทษจะมีระบบการประสานกับโรงพยาบาลใกล้บ้านของเด็กเพื่อดูแลต่อเนื่อง
โดยจะมีการจัดจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นและทีมสหวิชาชีพจาก รพ.จิตเวชในพื้นที่ตรวจประเมินเด็กในสถานพินิจฯ เริ่มนำร่องในปีนี้ 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์แรกรับเด็กและเยาวชนชายบ้านเมตตา เขตบางนา กทม. ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกรุณา จ.สมุทรปราการ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปราณี จ.นครปฐม และที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายเขต 8 จ.สุราษฏร์ธานี จากนั้นจะประเมินผลและขยายครอบคลุมสถานพินิจฯและศูนย์ฝึกและอบรมฯทั่วประเทศที่มีรวม 94 แห่งต่อไป หากเด็กกลุ่มนี้ได้รับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูอาการป่วยก็จะสามารถป้องกันการกระทำผิดซ้ำ และกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ใช้ชีวิตได้ตามปกติสุขได้
นายแพทย์ศรุตพันธุ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการปกป้องสิทธิกลุ่มเด็ก ได้แก่ กลุ่มเด็กที่ถูกทารุณกรรม การประเมินความสามารถในการเลี้ยงดูบุตรเช่นในรายที่พ่อแม่หย่าร้างกัน หรือกระทำรุนแรงต่อเด็ก จะมีการพัฒนาแนวทางการดูแลเด็กกลุ่มนี้ร่วมกันในกรมสุขภาพจิต และวางระบบเชื่อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ โดยทั่วไปในการพิจารณาคดีเมื่อเด็กที่กระทำผิดหรือถูกกระทำ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะมีกระบวนการพิเศษแตกต่างจากผู้ใหญ่เนื่องจากเด็กและเยาวชนมีวุฒิภาวะทั้งด้านการเรียนรู้ อารมณ์และพฤติกรรม ความรู้สึกผิดชอบ มีประสบการณ์ในการดำรงชีวิตน้อยกว่าผู้ใหญ่มาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กและเยาวชนกระทำความผิด จึงถือว่าเด็กและเยาวชนเป็นผู้หย่อนความสามารถในการรักษาสิทธิของตนเอง จะต้องมีผู้ดูแลหรือตัดสินใจแทน