นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่เครื่องบินกองทัพเกิดเหตุใบพัดขัดข้องจนต้องกลับมาลงจอดฉุกเฉินเมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่บนเครื่อง ว่า เป็นเรื่องที่ค่อนข้างกังวลใจ เพราะหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ มองว่ากองทัพจะดูแลประชาชนและประเทศชาติได้อย่างไร
นายกอบศักดิ์ ระบุว่า นี่เป็นสาเหตุที่ต้องเติมเงินลงไปบ้างเพื่อให้กองทัพยกระดับของอุปกรณ์ต่างๆ เพราะเมื่อเทียบต่างประเทศ ไทยมีสัดส่วนการใช้งบประมาณกระทรวงกลาโหมต่อจีดีพีอยู่ที่ร้อยละ 1.5 ต่ำกว่าสิงคโปร์ และเวียดนาม ที่เกินร้อยละ 3 และเมื่อเทียบกับงบฯ กระทรวงต่างๆ รวม 2 แสนล้านบาท งบกระทรวงกลาโหมอยู่เพียงร้อยละ 7 ของงบฯ ทั้งปีเท่านั้น
ทั้งนี้ มองว่าถ้าทหารไม่มีอุปกรณ์ที่ดีพอจะช่วยประชาชนและประเทศชาติได้อย่างไร เพราะทุกครั้งที่เกิดเรื่องมีแต่เรียกร้องทหารไปดูแล
เช่น กรณีพายุปาบึก หรือ ถ้ำหลวง ถ้าอุปกรณ์ไม่ดีจะดำน้ำไปช่วยได้หรือไม่ และเหตุการณ์ภัยธรรมชาติสารพัดอย่างที่จะเกิดขึ้น ซึ่งพรรคฯ พร้อมดูและให้เหมาะสมรอบคอบ โดยงบฯ กระทรวงอื่นๆ หากกระจายได้จะเกิดประโยชน์กับประชาชนกว่างบฯของกระทรวงกลาโหม ดังนั้นจึงอยากให้พิจารณาอย่างรอบคอบ
ส่วนประเด็นที่มีการร้องเรียนการเสนอชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ขัดกับ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง หรือไม่ เพราะมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ รับเงินเดือน
นายกอบศักดิ์ ยังมั่นใจว่า พรรคฯ ทำทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการที่ กกต.กำหนด และพรรคฯ ก็มีความเกรงกลัว กกต. อย่างไรก็ตามต้องให้กกต. เป็นคนตัดสินใจว่าพรรคฯ ทำถูกต้องหรือผิดหลักรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้หรือไม่ ซึ่งในส่วนของทีมกฎหมายพรรคฯ มั่นใจว่าทำได้