นายชาติชาย สุทธิกลม กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานคณะทำงานด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีนายศุภชัย ทัฬหสุนทร โดดตึกศาลอาญา ฆ่าตัวตาย หลังฟังคำพิพากษายกฟ้องคดีบุตรชายถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นการเข้าถึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรมที่น่าห่วงใย เนื่องด้วยฝ่ายผู้สูญเสียเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสาธารณะว่าที่ผ่านมาตนต้องเป็นหลักในการแสวงหาพยานหลักฐาน จากการที่ลูกชายถูกแทงเสียชีวิตเอง อีกทั้งพยานหลักฐานที่เป็นกล้องวงจรปิด ณ สถานที่เกิดเหตุในบางจุดชำรุด ทำให้ขาดพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักในการพิจารณาพิพากษาคดี
อย่างไรก็ดี กระบวนการยุติธรรมในชั้นการสืบสวนสอบสวนของตำรวจถือเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรมในชั้นต่อๆ ไป หากการเริ่มต้นคดีในชั้นสอบสวนมีความบกพร่องในการรวบรวมพยานหลักฐาน ขั้นตอนในชั้นต่อไปก็อาจเกิดความบกพร่องหรือไม่มีความสมบูรณ์ตามไปด้วย อย่างไรก็ตามขอชื่นชมผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่สั่งการให้ตรวจสอบรายละเอียดของสำนวนการสอบสวนในคดีนี้ และตนหวังว่ากรณีดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ เพื่อให้การปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนมีประสิทธิภาพโดยที่ประชาชนทุกคนได้รับความยุติธรรมภายใต้กฎหมายอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน
ด้านนายณัฐพงษ์ เงินคีรี หรือ โจ้ ผู้ต้องหาคดีแทงนายธนิต ทัฬหสุนทร หรือ เต้ พร้อมด้วยมารดาและแฟนสาว ร่วมกันแถลงข่าว โ่ดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งระยะที่ผ่านมาได้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเอง
"เมื่อมีเรื่องการกระโดดตึกเกิดขึ้น กระทบต่อครอบครัว สภาพจิตใจเป็นอย่างมาก เพราะเห็นข่าวที่นำเสนอออกมาไม่มีความเป็นธรรม จึงขอความเป็นธรรมบ้าง เพราะเรารอความบริสุทธิ์มาถึงสองปี สู้มาทุกอย่างตามกระบวนการ เพื่อรอคำตัดสินเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในวันนั้นระหว่างฟังคำพิพากษา ไม่ได้ทำหน้าเย้ยหยันอีกฝ่าย ได้ยืนก้มหน้า เมื่อได้ยินว่ายกฟ้อง ตัวเองถึงกับน้ำตาไหลร้องไห้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราทุกคนเสียใจ แต่จะให้ไปพูดคุยกับครอบครัวอีกฝ่าย เราคงไม่กล้า เพราะเขาเชื่อว่าเราเป็นคนผิด" นายณัฐพงษ์ กล่าว