รายงานเสรีภาพด้านเศราฐกิจประจำปี 2018 ของมูลนิธิเฮอร์ริเทจ องค์กรด้านนโยบายของสหรัฐฯ ชี้ว่าอันดับเสรีภาพของเศรษฐกิจไทยอยู่ในลำดับที่ 53 ในปีนี้ และอันดับที่ 12 ของเอเชียตามหลังสิงคโปร์และมาเลเซียที่เป็นเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน โดยไทยได้คะแนนรวม 67.1 คะแนน ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา 0.9 คะแนน จากที่ผ่านมารัฐบาลพยายามปรับปรุงเสรีภาพทางด้านการลงทุนให้แก่นักลงทุนมากขึ้น รวมไปถึงการแข่งขันของภาคการเงินที่สร้างความคล่องตัวในการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามในรายงานยังชี้ว่า ความไม่มั่นคงทางการเมืองและการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลที่แพร่หลายยังคงเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อเศรษฐกิจและการลงทุนของไทย โดยกล่าวว่า การทุจริตที่แทรกอยู่ในทุกะดับของสังคมและการติดสินบนกับเจ้าหน้าที่ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจและการลงทุน เนื่องจากเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐที่อยุ่ในระดับต่ำ เป็นผลให้เกิดการยอมรับสินบนเกิดขึ้น
นอกจากนี้ในรายงานยังชี้ให้เห็นว่า กฎหมายปกป้องนักลงทุนและทรัพย์สินในการลงทุนยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ รวมไปถึงระบบยุติธรรมที่ล่าช้าและเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซงโดยภาคการเมืองยังอยู่ในระดับสูง
ในการจัดอันดับครั้งนี้ ‘ฮ่องกง’ ได้รับการจัดให้เป็นที่ที่มีเสรีภาพทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุด ตามมาด้วย สิงคโปร์และนิวซีแลนด์ โดยรายงานระบุว่า ฮ่องกงมีกฎหมายที่เอื้อต่อการลงทุนสูง มีกฎหมายปกป้องสิทธิและทรัพย์สินของผู้ลงทุนที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้รัฐบาลมีความโปร่งใสในระดับสูงและมีอัตราการคอร์รัปชั่นที่ต่ำมาก
ขณะที่ชาติที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับของโลกอย่างจีน กลับถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 110 ซึ่งในรายงานระบุว่า "แม้ว่าจีนจะพยายามเปิดการค้าเสรีแต่ในทางปฏิบัติในเรื่องการลงทุนและการนำเข้าสินค้าของจีนนั้นยังคงมีอุปสรรคอย่างมาก โดยในอุปสรรคที่มาจากภาครัฐของจีนเอง รวมไปถึงกฎหมายที่เอื้อต่อการลงทุนจากต่างชาติของจีนที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงปัญหาการคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐกับนักลงทุนยังคงสูงขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดของจีน"
ที่มา asiancorrespondent