ไม่พบผลการค้นหา
‘อลงกรณ์’ รักษาการรองหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยหากได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคจะทำหน้าที่ 2 ปี รื้อโครงสร้าง-ปฏิรูปพรรค ก่อนวางมือเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ แนะผู้ประสงค์ลงสมัครโชว์วิสัยทัศน์ ย้ำทิศทางโหวตนายกฯ จุดยืนหนุนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ

วันที่ 6 ก.ค. อลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ทิศทางจะเป็นอย่างไรคงต้องรอการประชุมในวันอาทิตย์นี้ที่จะมีการเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งจะมีหน้าที่ในการกำหนดแนวทางในการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค. แต่ตนยังยืนยันจุดเดิมว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องยืนบนประชาธิปไตยที่ชัดเจนตรงไปตรงมา และการโหวตนายกฯ ควรสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคที่สามารถรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้เพื่อรักษาหลักการเสียงข้างมาก 

อลงกรณ์ กล่าวอีกว่า การเดินหน้าเปลี่ยนผ่านรัฐบาลต้องเป็นไปโดยความรวดเร็ว และราบรื่น เพื่อเป็นการเคารพเสียงของประชาชน ซึ่งการมีจุดยืนที่ชัดเจนเห็นแก่ประเทศชาติจะทำให้ประชาธิปัตย์ได้รับความน่าเชื่อถือกลับคืนมา อีกทั้งการปฏิรูปพรรค เป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่ง โดยหลังการพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง คนส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าต้องมีการปฏิรูป เพียงแต่ว่าการนำเสนอแนวทางการปฏิรูปนั้นยังไม่มีความชัดเจน 

ส่วนการเสนอตัวในการลงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น อลงกรณ์ กล่าวว่า อยากให้มีการดีเบตสำหรับผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรค แม้การเลือกหัวหน้าพรรคคราวนี้จะไม่มีระบบไพรมารี่โหวต แต่ก็ควรให้มีการดีเบตระหว่างผู้ที่ประสงค์เพื่อจะได้ทราบจุดยืนวิสัยทัศน์ แนวทางนโยบายในการพัฒนาพรรคต่อไป เพราะเราเป็นสถาบันทางการเมืองจึงจำเป็นอย่างยิ่งว่าสมาชิกทั่วประเทศควรจะได้รับรู้คุณสมบัติของหัวหน้าพรรคคนใหม่ 

แม้จะมีกระแสข่าวว่า สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ จะลงชิงตำแหน่งด้วย แต่ก็ทราบเพียงแค่รายงานข่าว เพราะต้นยังเป็นคนเดียวที่ลงสมัครอย่างเปิดเผย จึงขอเรียกร้องให้หลายท่านที่จะประสงค์ลงสมัครเปิดตัวอย่างชัดเจน ทำให้พรรคประชาธิปัตย์สะท้อนความเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีวัฒนธรรมประชาธิปไตยอยู่ในพรรค 

เมื่อถามว่า อาจจะมีกลุ่มคนที่สนับสนุน ชวน หลีกภัย และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคไปร่วมสังเกตการณ์การประชุมในวันนั้น อลงกรณ์ กล่าวว่า การประชุมใหญ่ของพรรคถือเป็นกิจกรรมสำคัญ สมาชิกพรรคทั่วประเทศสามารถไปร่วมสังเกตการณ์การประชุมได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม แต่องค์ประชุมจะมีเกือบ 400 คนที่เป็นตัวแทนจาก 19 กลุ่ม ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่งดงามของพรรคประชาธิปัตย์ในความเป็นสถาบันทางการเมืองที่สมาชิกพรรคอยากมีส่วนร่วมกับพรรคอย่างเต็มที่

อลงกรณ์ ระบุอีกว่า ในส่วนของการปฏิรูปพรรค ตนมีความตั้งใจที่จะเสนอมาตั้งแต่ปี 2556 อีกทั้งยังเคยเป็นรองหัวหน้าพรรค 4 สมัย ส.ส. 6 สมัย และเคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว จึงมีความมั่นใจว่าใน 30 ปีของการอยู่พรรคประชาธิปัตย์ และไม่เคยย้ายไปพรรคไหน ทุ่มเททำงานให้พรรค มีความเข้าใจในปัญหาของพรรค แต่ขณะเดียวกันพรรคจะต้องปฏิรูปเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ 

“ผมจะเป็นหัวหน้าพรรคเพียง 2 ปี เพื่อปรับพื้นฐานของพรรค สร้างแนวทางประชาธิปไตย และสร้างคนรุ่นใหม่ๆ วิสัยทัศน์ใหม่ๆ ขึ้นมา จากนั้นจะลาออกเพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้าไปสืบสานงานต่อไป” อลงกรณ์ กล่าว 

อลงกรณ์ ยังย้ำอีกว่า ช่วงของการเปลี่ยนผ่านนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จากจุดที่เราตกต่ำที่สุดเหลือ ส.ส. เพียง 25 คน และคะแนนความนิยมของพรรคเพียง 9 แสนกว่า เป็นสิ่งที่ไม่ใช่งานง่าย ต้องผนึกความร่วมมือ สร้างโครงสร้างแบบกระจายอำนาจไปยังสาขาพรรคทั่วประเทศ เปิดพื้นที่การทำงานให้คนรุ่นใหม่ เช่น กลุ่มสตรี กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เป็นการปรับโครงสร้างเชิงระบบครั้งใหญ่ที่ประสบการณ์ และการรู้ปัญหาในพรรคจะทำให้สร้างก้าวใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์ได้