พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลโดย คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะประกาศลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 0.50 บาท เหลือ ลิตรละ 34.50 บาท ในวันที่ 15 กุมถาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้รัฐบาลลดราคาน้ำมันดีเซลมาโดยตลอด และได้ออกเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยในเรื่องนี้ อีกทั้งจากราคาน้ำมันดิบของโลกที่มีราคาลดลง ดังนั้นการลดลงของราคาน้ำมันดีเซลเพียงลิตรละ 0.50 บาท จึงเป็นการลดราคาที่น้อยเกินไปและลดช้าเกินไป เพราะราคาน้ำมันดิบของโลกได้ลดลงมานานแล้ว และน่าจะต้องลดราคาน้ำมันดีเซลลงมากกว่านี้ ขนาด รมว.คลังยังบอกเองว่าน่าจะลดลงลิตรละ 2 บาทตามแนวทางที่พรรคเพื่อไทยบอกไว้แต่แรก
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบของโลกได้ลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนมีสงครามรัสเซียยูเครนแล้ว และราคาน้ำมันดีเซลในช่วงนั้นยังอยู่ไม่เกินลิตรละ 30 บาท อีกทั้งในสมัยรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงถึงบาเรลละ $110 ราคาขายน้ำมันดีเซลก็ยังต่ำกว่าลิตรละ 30 บาทได้ อีกทั้งค่าเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงลดราคาน้ำมันดีเซลเพียงแค่ลิตรละ 0.50 บาทเท่านั้น แถมยังลดในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎรได้เริ่มอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามมาตรา 152 เหมือนต้องการกลบข้อบกพร่องของรัฐบาลที่ฝ่ายค้านจะแฉในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ควรจะลดราคาน้ำมันดีเซลได้ก่อนหน้านี้นานแล้ว
โดยทุกครั้งที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้ลดราคาน้ำมัน รัฐบาลจะบอกว่าทำไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องทำตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอ ซึ่งหากจำกันได้ พรรคเพื่อไทยได้เสนอให้รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลิตรละ 5 บาท มานานแล้ว รัฐบาลก็บอกว่าทำไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องทำตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน พรรคเพื่อไทยเสนอให้ลดราคาน้ำมันดีเซลนานแล้ว ซึ่งทำได้นานแล้วแต่รัฐบาลกลับไม่ยอมทำ รัฐบาลเพิ่งคิดจะทำในช่วงหาเสียงก่อนเลือกตั้งนี้ และการที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลไม่ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลแต่ให้กองทุนน้ำมันที่เก็บเงินจากประชาชนไปแบกค่าน้ำมันดีเซลแทน ทำให้กองทุนน้ำมันขาดทุนมาก และเมื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลด รัฐบาลก็ไม่ยอมลดราคา ทั้งที่ลดราคาได้
โดยในปัจจุบัน รัฐบาลเก็บเงินกองทุนน้ำมันในน้ำมันดีเซลสูงถึงลิตรละ 6.04 บาท ซึ่งสามารถลดลงมาได้ แม้ว่ากองทุนน้ำมันจะมีหนี้อยู่มาก แต่ไม่จำเป็นจะต้องรีบเก็บ โดยสามารถนำมาลดให้ประชาชนก่อนได้บางส่วนชำระหนี้บางส่วน อีกทั้งในโครงสร้างราคาน้ำมันเอง รัฐบาลก็ยังจะสามารถลดราคาน้ำมันได้อีกหลายทาง
ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน และ ราคาพลังงานเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนของสินค้าและบริการแทบทุกชนิด ซึ่งหากลดราคาลงได้ ก็จะสามารถแบ่งเบาภาระของประชาชนได้มาก อีกทั้งยังลดเงินเฟ้อที่เดือนมกราคมยังสูงถึง 5.02% หลังจากปีที่แล้วเงินเฟ้อทั้งปีสูงถึง 6.08% สร้างความลำบากให้กับประชาชนอย่างมาก
ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชน พรรคเพื่อไทยจะมีนโยบายในการลดราคาน้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซหุงต้ม ที่ทำได้จริงอย่างแน่นอน ขอให้ประชาชนมั่นใจและเลือกพรรคเพื่อไทยกันมากๆ เพื่อจะได้เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน และทำให้ประชาชนมีความสุขได้ อีกทั้งประเทศไทยจะได้พัฒนาเจริญก้าวหน้าต่อไป