ไม่พบผลการค้นหา
ทางการยูเครนเปิดเผยว่า กองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีในเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของซาปอริซเซีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก อีกทั้งอาคารหลายแห่งยังได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน แต่เป็นดินแดนส่วนหนึ่งที่รัสเซียอ้างการผนวกเข้าเป็นของตนเมื่อเดือนที่แล้ว

ซาปอริซเซียถูกโจมตีโดยรัสเซียหลายครั้ง ตลอดช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่กองทัพรัสเซียกำลังล่าถอยออกจากพื้นที่เมือง สืบเนื่องจากความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของตน ในดินแดนทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน 

ดินแดนส่วนหนึ่งของพื้นที่ซาปอริซเซีย ซึ่งรวมถึงพื้นที่ที่ตั้งของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองประมาณ 52 กิโลเมตร ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย นับตั้งแต่ช่วงต้นของการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียเมื่อ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา

ในช่วงแรกของการรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิต ทางการยูเครนระบุตัวเลขผู้ตายทั้งสิ้น 17 ราย ก่อนที่จะปรับลดตัวเลขลงมาเหลือที่ 13 รายในภายหลัง อย่างไรก็ดี สำนักข่าว BBC รายงานว่า อาคารในพื้นที่เมืองซาปอริซเซีย ซึ่งถูกโจมตึโดยรัสเซีย ไม่ใช่อาคารทางการทหาร และการโจมตีดูเหมือนจะเป็นการยิงแบบไม่เลือกหน้า ยิ่งไปกว่านี้ มีตัวเลขผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 60 ราย ในบริเวณซาปอริซเซีย สืบเนื่องจากการโจมตีของรัสเซียตลอดระยะเวลา 9 วันที่ผ่านมา

โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุว่า การโจมตีของรัสเซียนั้น “เป็นการโจมตีประชาชนอย่างไร้ความปราณีอีกครั้ง” และเป็น “ความเลวทรามอย่างแท้จริง” เซเลนสกียังย้ำอีกว่า การกระทำของรัสเซีย “เลวร้ายอย่างที่สุด พวกป่าเถื่อนและผู้ก่อการร้าย ตั้งแต่ผู้ออกคำสั่งไปจนถึงผู้ลงมือปฏิบัติ พวกเขาจะต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน ทั้งต่อหน้ากฎหมายและต่อหน้าประชาชน”

โอเล็กซานเดอร์ สตารุกห์ ผู้ว่าการซาปอริซเซียของยูเครน ระบุว่า ขีปนาวุธ 12 ลูก ถูกยิงเข้ามาและทำลายอาคาร 9 ชั้น และส่งผลกระทบไปยังอาคารใกล้เคียงอีก 5 หลัง “อาจมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังมากกว่านี้อีก การปฏิบัติกู้ภัยยังคงดำเนินไปอยู่ในที่เกิดเหตุ มีผู้ได้รับความช่วยเหลือแล้ว 8 ราย” สตารุกห์ระบุ

ในขณะเดียวกัน สายไฟที่จ่ายพลังงานให้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ได้รับการเชื่อมต่อกลับมาอีกครั้งหลังจากการถล่มยิง ซึ่งส่งผลให้มีการตัดไฟเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.) โดย ราฟาเอล กรอสซี หัวหน้าสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) กล่าวว่า “ทีมงานของเราที่ #ซาปอริซเซีย ยืนยันว่าสายไฟนอกสถานที่ที่หายไปเมื่อวันก่อน ได้รับการฟื้นฟูกลับมาแล้ว” 

ทั้งนี้ กรอสซีเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งรับประกันความปลอดภัยบริเวณตัวโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในขณะที่ทั้งรัสเซียและยูเครนกล่าวหากันไปมาว่า คู่ขัดแย้งตนเป็นผู้ยิงถล่มตัวโรงไฟฟ้านิวเคลียร์


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-europe-63190844?fbclid=IwAR08gG6SWbEsUsuj8jy_T1hteYvH2ZOSSJvGGh5qi1O9jd_FNci5_CkVLcQ