เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2562 นายจรูญ ไชยศร รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้ทำหนังสือเรื่องด่วนที่สุด ที่ นร 0204.02/พิเศษ ถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด หรือ 'ไก่อู' อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ มีคำสั่งโดยมิชอบไม่เป็นกลางทางการเมืองให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติ เหตุเกิดทั้งในเวลาราชการปกติ และในระหว่างที่มี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ทำให้เกิดความเสียหายต่อกรมประชาสัมพันธ์ ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม และสร้างความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคการเมือง ซึ่งไม่ใช่ภารกิจหลักด้านการประชาสัมพันธ์ที่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงแบ่งส่วน ข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2545
(นายจรูญ ไชยศร รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ยื่นร้องต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ. การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่รัฐสภา)
ทั้งนี้ เอกสารของกรมประชาสัมพันธ์ที่ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. และ กกต. นั้น อ้างถึงการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 และห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายกระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 78 รวมถึง มาตรา 82 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน และการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม เป็นกลางทางการเมือง ตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ข้อ 8
'สรรเสริญ' สั่งการผ่านไลน์กลุ่มให้ลูกน้องโจมตีนักการเมือง
สำหรับเรื่องดังกล่าวเกิดจากการที่ พล.ท.สรรเสริญ ส่งแอปพลิเคชัน ไลน์ (Line) กลุ่ม ของ กรมประชาสัมพันธ์และสำนักโฆษกรัฐบาล สำนักเลขานุการนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้ในการสั่งงานผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้เอกสารของกรมประชาสัมพันธ์อ้างว่า พล.ท.สรรเสริญ ได้มีคำสั่งโดยมิชอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชาโจมตีบุคคล นักการเมือง หรือพรรคการเมือง ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับการเมือง
โดยตัวอย่างของข้อความพร้อมรูปภาพที่ พล.ท.สรรเสริญ ใช้สั่งการให้นำไปเผยแพร่ ปรากฏในกลุ่มไลน์ เป็นรูปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุข้อความว่า "ไม่ต้องไปผลาญเงินเพื่อจำนำราคาข้าวก็ถึง 16,000 บาท/ตัน รับจำนำทำเจ๊ง 8 หมื่นล้านบาท ปี พ.ศ.2556 ภาคเกษตรโต 0.7% ปี พ.ศ.2560 ภาคเกษตรโต 6.2% และข้อความพร้อมรูปภาพ มาร์ค-ปู-ตู่ ใครค้าขายดีกว่ากัน? ระยะเวลาบริหารโดยเฉลี่ย 4 ปี เท่ากัน ไทยมีกำไรสุทธิจากการส่งออกในรัฐบาลชุดปัจจุบันกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐได้"
อีกทั้งยังโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในเชิงโจมตี เปรียบเทียบ โดย พล.ท.สรรเสริญ ได้มีคำสั่งในฐานะอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใต้บังคับบัญชา "ขยายผลในรูปแบบต่างๆ ทุกหน่วยสื่อครับ"
ในเอกสารร้องเรียนของกรมประชาสัมพันธ์ ยังระบุอีกด้วยว่า พล.ท.สรรเสริญ มีเจตนาพิเศษต้องการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ ได้รับความเสียหาย อันเป็นการสร้างความเกลียดชังโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ประโยชน์แก่ พล.อ.ประยุทธ์ และเพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชานำไปประชาสัมพันธ์ออกอากาศตามสื่อของทางราชการ ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์ไม่มีภารกิจหน้าที่ตามกฎหมายที่กำหนดไว้ คำสั่งดังกล่าวได้ไปถึงผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมกับมีผู้ใต้บังคับบัญชาได้ตอบรับ นำไปปฏิบัติตามคำสั่ง จึงครบองค์ประกอบของความผิด ทั้งนี้ ข้าราชการที่นำข้อความของ พล.ท.สรรเสริญ ไปขยายผล ปฏิบัติตาม จะต้องร่วมรับผิดด้วยอีก 4 คน
นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงมีการประกาศใช้ พ.ร.ฎ..ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2562 แต่วันที่ 10 ก.พ. 2562 พล.ท.สรรเสริญได้ส่งไลน์กลุ่มดังกล่าว มีคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชา นำประเด็นทางการเมือง "ลดค่าครองชีพ เจ็บป่วยดูแล สิ่งแวดล้อมดี มีรายได้" โดยปรากฏโลโก้พรรคพลังประชารัฐ เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า
พล.ท.สรรเสริญ ในฐานะอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กระทำการเพื่อเป็นคุณหรือโทษแก่พรรคการเมือง โดยมีเจตนาพิเศษช่วยเหลือพรรคพลังประชารัฐ Propaganda โฆษณาชวนเชื่อ โดยมีจุดมุ่งหมายให้พรรคพลังประชารัฐได้รับประโยชน์
วันนี้ (17 ก.ย. 2565) แหล่งข่าวจากกรมประชาสัมพันธ์ยังระบุผ่าน 'วอยซ์ ออนไลน์' ว่าคำร้องที่ขอให้ตรวจสอบอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ได้ยื่นให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. และ กกต. และได้รับบรรจุเรื่องเรียบร้อยไว้ไต่สวนแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง