สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปพร้อมกับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 'เศรษฐา ทวีสิน' เพื่อพูดคุยกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ว่ากรณีไปพูดคุยถึงสถานการณ์ของประเทศ สอบถามปัญหาและแลกเปลี่ยนความต้องการของแต่ละฝ่าย ซึ่งทางฝ่ายการเมืองได้ระบุว่าอยากผลักดันนโยบายต่างๆ
อาทิ การเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นรูแบบสมัครใจ การร่วมกันพัฒนากองทัพให้เป็นที่พึ่งของประชาชนมากยิ่งขึ้น ร่วมถึงสอบถามความต้องการของกองทัพว่ามีความต้องการอยากให้รัฐบาลสนับสนุนในเรื่องใดบ้าง รวมถึงมีความกังวลหรืออุปสรรคอะไรเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งทางกองทัพมีความเห็นไปทิศทางเดียวกับรัฐบาล ที่เขาเองก็ปรับปรุงองค์กรมาโดยตลอด ไม่ขัดข้องอะไรและยินดีปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนจะทำได้ช้าหรือเร็ว ก็จะสะท้อนให้รัฐบาลทราบถึงข้อติดขัดให้รัฐบาลช่วย
เมื่อถามว่าสิ่งที่กล่าวมาจะเห็นผลเป็นรูปธรรมได้เมื่อไหร่ สุทิน กล่าวว่า จะเห็นผลเป็นรูปธรรมในทันที ยกตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหารเป็นรูปแบบสมัครใจ ในเดือนเมษายนปี 2567 ที่จะมีการเกณฑ์ทหารอีกครั้ง จะเห็นอัตราเกณฑ์ทหารที่ลดลงจากเดิมอย่างแน่นอน และจะค่อยๆหมดไปจนเหลือเพียงการเข้ากองทัพแบบสมัครใจ
รวมถึงการปรับลดขนาดกองทัพ ที่สังคมมองว่ากองทัพมีนายพลมากเกินไปนั่น เท่าที่คุยกับทางกองทัพเขามีแผนปรับลดในส่วนนี้อยู่ ภายในปี 2570 หรือในรัฐบาลนี้กองทัพจะกระชับลง นายพลจะหายไปจำนวนมาก ส่วนจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์นั้นกองทัพกำลังทำตัวเลขมาให้ดู และที่ผ่านมาเขามีแผนอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์ และเท่าที่ได้พูดคุยกันเมื่อนายกฯได้ฟังความเห็นของกองทัพแล้วก็มีความสบายใจ
เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่กับการคุมกองทัพ สุทิน กล่าวว่า เดิมหนักใจแต่เมื่อมาถึงตอนนี้สบายใจขึ้นมาก เพราะการทำงานกับคนมีวินัยเขาพูดง่าย และเท่าที่ได้พูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดใหม่ๆ ถือเป็นจังหวะที่ดีของตนที่ได้เข้าไปพัฒนา ส่วนนโยบายที่จะเอาทหารออกมาเพิ่มบทบาท พัฒนาเป็นที่พึ่งประชาชน เขาก็ตอบรับว่าเป็นภารกิจของกองทัพอยู่แล้ว เพราะความยากจนเป็นภัยชนิดหนึ่ง กองทัพยินดีปฏิบัติ เช่นใช้ทหารเข้ามามีส่วนร่วมแก้ภัยแล้งเขาก็พร้อม การนำที่ดินของทหารที่ไม่ได้ใช้งานมาให้ประชาชนทำกิน หรือให้หน่วยงานอื่นไปใช้ประโยชน์
เช่นให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งน้ำเขาก็ยินดี แต่รัฐบาลต้องจัดการระเบียบปฏิบัติให้ รวมถึงเรื่องปราบยาเสพติด ทหารเขาเคยรับบทบาทนี้มาโดยตลอด เขาก็ยินดีสนองนโยบายรัฐบาล โดยทั่วไปถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี ทำให้มั่นใจว่า กองทัพจะมีบทบาทออกมาช่วยแก้ปัญหาประเทศร่วมรับรัฐบาล และจากการพูดคุยสิ่งที่ทั้งฝ่ายการเมืองและกองทัพเห็นตรงกันคือ กองทัพต้องมีการยกเครื่องงานประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาทองทัพทำเรื่องที่เป็นประโยชน์จำนวนมา แต่สังคมรับรู้อีกอย่างทำให้สังคมมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อกองทัพ
สุทิน กล่าวด้วยว่า หลังจากพูดคุยกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพแล้ว หลังจากนี้จะไปพบอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลอากาศเอกสุกําพล สุวรรณทัต รวมถึงพลเอกเชษฐา ฐานะจาโร และกำลังประสานเข้าพบ พลเอกวิชิต ยาทิพย์, พลเอกเชาวลิต ยงใจยุทธ รวมถึงจะพบนักวิชาการด้านความมั่นคง อาทิ สุรชาติ บำรุงสุข, ปราโมทย์ นาครทรรพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นแง่มุมต่างๆด้านความมั่นคงต่อไป