วันที่ 4 ก.ย. 66 เวลา 09:50 น. ที่บ้านสุวรรณทัต จังหวัดปทุมธานี สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าพบ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อพูดคุยขอคำแนะนำในการทำงานร่วมกับกองทัพ 

เมื่อ สุทิน เดินทางมาถึง ได้กล่าวทักทายสื่อมวลชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนยกมือไหว้ พล.อ.อ.สุกำพล ที่ออกมาให้การต้อนรับด้วยตนเอง พร้อมนำพวงมาลัยดอกมะลิที่เตรียมไว้มามอบให้ ก่อนจะเข้าไปหารือกันภายในบ้าน

ระหว่างการการหารือ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พลเรือนแท้ๆ มาคุมกระทรวงกลาโหม สุทิน จึงตอบกลับว่า "ผมมาทำงานตรงนี้เลือกไม่ได้ วันนี้ก็เลยอยากจะมาขอคำแนะนำ เพราะพลเรือนแม้จะศึกษามาเยอะ แต่ก็ไม่สู้คนที่ทำมาก่อน โดยเฉพาะความเป็นรัฐมนตรี จึงต้องมาขอคำแนะนำ" ซึ่งพล.อ.อ.สุกำพล กล่าวรับว่า ถือเป็นโอกาสดีที่มาขอคำแนะนำ เพราะบางคนอยากทำก็ทำเลย ทำไปแล้วผิดก็ไปเลย ไม่บอก มันก็ไปเรื่อย" 

จากนั้น ภายหลังการพูดคุย สุทิน เปิดเผยว่า วันนี้มาหาอดีตรัฐมนตรีฯ ได้ทั้งความรู้ และสิ่งที่สำคัญคือกำลังใจ ซึ่งท่านได้ให้ความเชื่อมั่นและคำแนะนำ เรื่องการลำดับความสำคัญในการบริหาร การวางตัวต่อกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านกรุณาให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์มาก

เมื่อถามว่า จะเข้ากระทรวงกลาโหมเมื่อไหร่ สุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนด ต้องไปหารือกับที่ประชุมของพรรคเพื่อไทยก่อน และอาจจะต้องรอความชัดเจนหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา คาดว่าจะเป็นช่วงหลังวันที่ 11 ก.ย. นี้

สำหรับการเดินสายพบผู้นำเหล่าทัพ สุทิน ระบุว่า เป็นไปด้วยดี ทั้งการพูดคุยแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย โดยเราได้เห็นสัญญาณจากกองทัพเองว่า กองทัพเปิดใจกว้างที่จะรับพลเรือน ซึ่งถ้าเราเข้าใจเขา และมีความชัดเจนถึงแนวปฏิบัติต่างๆ และเขาเชื่อว่าเราทำเพื่อชาติจริงๆ กองทัพก็จะไม่มีปัญหา

ทั้งนี้ การทำงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตนเองไม่ได้รู้สึกลำบากใจ แต่ก็ไม่ได้ประมาท หมายความว่าเราจะเข้าไปบริหารแบบไม่เตรียมตัวใดๆ จะวางใจมากเกินไป คิดว่าเราชำนาญ รู้ดีแล้วไม่ได้ 

เมื่อถามว่าต้องไม่ประมาท คือเรื่องการถูกรัฐประหารเหมือนสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อไทย ก่อนหน้านี้หรือไม่ สุทิน บอกว่า ไม่ใช่ เรื่องอย่างนั้นไม่ได้เป็นประเด็นที่ต้องมาคิด

ส่วนเรื่องการปรับการเกณฑ์ทหารใ้เป็นระบบสมัครใจและงบประมาณกองทัพเกี่ยวกับเรือดำน้ำ สุทิน กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้นำเหล่าทัพไปแล้ววานนี้ (3 ก.ย.) แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด ซึ่งเรื่องการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ ทางกองทัพคิดมานานอยู่ และก็ทำมาอย่างเป็นขั้นตอน เพียงแต่ว่าถ้าจะทำให้รวดเร็วให้ทันกับที่สังคมต้องการ รัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนกองทัพ ส่วนเรื่องการพิจารณาเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ตนมองว่า มีทางออกที่ดีอยู่ เพียงแต่ต้องรอความชัดเจนหลังแถลงนโยบาย

ส่วนนโยบายลดการเกณท์ทหารที่จะเริ่มต้นเมษายน 2567 ที่หลายฝ่ายมองว่าช้าไปนั้น สุทิน ชี้แจงว่า ปกติการเกณฑ์ทหารจะเกิดขึ้นช่วงเดือนเมษายน อย่างไรก็ดี การเกณฑ์ทหารระบบสมัครใจสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่เดือนนี้ เมื่อได้พลทหารระบบสมัครใจเต็มจำนวน เดือนเมษายนก็ไม่จำเป็นจะต้องมีการเกณฑ์ทหารอีก

ส่วนการปรับลดกำลังพลที่เคยแถลงไว้นั้น คือการปรับโครงสร้างกองทัพ ซึ่งกองทัพเองมีแผนในการดำเนินการอยู่ และมีเป้าหมายว่าปี 2570 ขนาดกองทัพจะเปลี่ยนไป ตนในฐานะรัฐมนตรีฯ ก็ต้องให้การสนับสนุนกองทัพไปสู่เป้าหมายนั้น 

ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงที่สังคมต้องยอมรับ คือประเทศต้องมีทหาร และกองทัพมีการประเมินจำนวนกำลังพลที่เหมาะสมไว้ ซึ่งยอดกำลังพลตอนนี้เยอะไป ทางกองทัพก็ยินดีจะปรับลด เพียงแต่จะต้องไม่กระทบกับศักยภาพของกองทัพ 

ส่วนการจะส่งเสริมให้คนมาสมัครเป็นพลทหารเยอะๆ ต้องสร้างแรงจูงใจ ในความคิดของตนจะต้องทำอยู่สองอย่าง คือ 1.ปรับสวัสดิการ 2.ปรับทัศนคติเชิงลบของสังคมต่อทหารเกณฑ์ เช่น ผู้ปกครองของพลทหารมักมีภาพจำต่อการฝึกของกองทัพว่ามีความโหดร้ายทารุณ ส่งผลให้พลทหารบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม้จะมีกรณีตัวอย่างไม่มาก แต่เรื่องเหล่านี้มักจะเป็นข่าวเยอะ หรือเงินเดือนที่พลทหารได้รับจริง ถูกหักออก ไม่เป็นไปตามที่เสนอไว้ ดังนั้น จึงต้องมีการปรับความเชื่อ และทำให้ระบบโปร่งใสยิ่งขึ้น 

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การเดินสายพบผู้นำเหล่าทัพ เป็นเพราะไม่มั่นใจในการทำหน้าที่รัฐมนตรีใช่หรือไม่ สุทิน ระบุว่า ไม่ใช่เรื่องความไม่มั่นใจ แต่เป็นแนวทางในการทำงาน เพราะเราเป็นน้ำไม่เต็มตุ่ม มีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะ

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หากมีโอกาสอยากจะเดินสายไปพูดคุยกับ 2 ป. (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ)หรือไม่ สุทินตอบว่า หากมีโอกาสก็อยากเข้าพบ เพราะไม่ได้ถือตนว่าเป็นฝ่ายใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนี้ สุทิน มีกำหนดการเดินสายเข้าพบ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)และรมว.กลาโหม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ สว. และ อดีต รองผบ.ทบ. ส่วนสายวิชาการ จะมีการหารือกับ สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการรัฐศาสตร์อาวุโส และ ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคง