วันที่ 14 ก.พ. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมแกนนำ อาทิ สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ และไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ลงพื้นที่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เพื่อทำกิจกรรม “รวมพลัง ส่งความรักถึงชาวกรุงเทพฯ” พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ของพรรค
โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นการหาเสียงแบบเคลื่อนที่ในแต่ละจุดซึ่งจุดแรกนั้น เริ่มที่ย่านเยาวราช บริเวณวัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ เพื่อสักการะพระประธานซำปอฮุก 3 องค์ คือ พระอมิตากพุทธเจ้า, พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า และพระไกษัชยคุรุพุทธเจ้า และยังสักการะพระประธาน 2 ข้าง คือ พระมหากัสสปะ และ พระอานนท์ ก่อนที่จะเดินทางต่อมายังวัดสระเกศราชวรมหาวิหารเพื่อสักการะพระพุทธรูปภายในโบสถ์
จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.30 น. ภายหลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวถึงการลงพื้นที่ในวันนี้ซึ่งถือเป็นวันแห่งความรักว่า อยากจะให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งและเดินหน้าไปด้วยกัน นอกจากนี้พรรคพลังประชารัฐก็มีแนวทางเรื่องของการขจัดความยากจนหรือก็คือการประกาศสงครามกับความยากจนนั่นเอง สอดคล้องกับการลงพื้นที่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่บุคคลในพรรคพลังประชารัฐที่อาจจะมีโอนย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า หลายคนยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐโดยเฉพาะแกนนำคนสำคัญ อย่างเช่น สมศักดิ์ เทพสุทิน รวมถึง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะมีเพียงก็แค่ อนุชา นาคาศัย ที่ไม่ได้อยู่กับพรรคพลังประชารัฐแล้ว แต่ตนก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร
ในขณะที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ได้มีการคัดเลือกอย่างดี ว่าใครบ้างที่มีคุณสมบัติ และมีความเหมาะสมรวมถึงมีโอกาสที่จะได้พื้นที่ในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตามแต่เดิมในพื้นที่กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐเคยได้ที่นั่งในสภา 12 ที่นั่ง ซึ่งการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ก็จะพยายามให้ได้ 12 ที่นั่งขึ้นไป โดยจะพยายามอย่างเต็มที่
เมื่อถามถึงกรณีที่มี ส.ว. ออกมาระบุในทำนองว่าจะสนับสนุนเสียงให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ หรือ พรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ก็ถือเป็นเรื่องของ ส.ว.ที่มีเอกสิทธิ์เป็นของตัวเอง ไม่สามารถไปบงการได้
ก่อนที่เวลา 16.10 น. ภายหลังการให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางมายังจุดสุดท้ายที่ สวนสาธารณะป้อมมหากาฬเพื่อที่จะถ่ายรูปรวมกับแกนนำพักและผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพฯ