พิธา ลิ้มเจริญ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี กระแสข่าวยกเลิกการแถลงฯ มอบทะเบียนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในวันนี้ เพราะทาง บริษัท แอสตร้าเซเนก้า ไม่ร่วมแถลงข่าวด้วย เนื่องจากกังวลจะถูกโยงการเมือง ว่า ตนเองได้ติดตาม เห็นว่ามีคนออกมาชี้แจงแล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจน ตนจึงยังไม่ขอแสดงความเห็นเรื่องนี้ แต่ย้ำวัคซีนมี 7-8 ชนิด มีราคาต่างกัน และคุณสภาพที่ต่างกัน จึงต้องบริหารความเสี่ยง และกระจายความเสี่ยง เพราะเป็นความมั่นคงด้านสุขภาพ
ส่วนกรณีที่ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า 'ก้าวไกล' ออกหน้าปกป้อง 'ธนาธร' ระวังจะเข้าข่ายยอมให้บุคคลอื่นชี้นำพรรคตาม ม.28 พรป.พรรคฯ 2560 โทษถึงขั้นยุบพรรค" นั้น ตนขอยืนยันว่า การที่ตนเองออกมาพูดไม่มีความจะเป็นต้องพูดแทน ธนาธร แต่พูดแทนประชาชน เพราะงบประมาณหมื่นกว่าล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากภาษีประชาชน จึงมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถาม ว่า เกิดอะไรขึ้นจึงต้องไปผูกอนาคตกับวัคซีนยี่ห้อใดนี่ห้อหนึ่ง
ส่วนกรณีดังกล่าว จะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ พิธา ระบุว่า ไม่สามารถบอกได้ทั้งหมด แต่บอกได้ว่ามีชื่อรัฐมนตรีท่านใดบ้าง พร้อมยืนยันว่า มีชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องการบริหารจัดการเวลา ในการอภิปรายนั้นจะให้ประธานวิปฝ่ายค้านหารือกันใหม่แต่ยืนยันว่า ส.ส.ทุกพรรค จะได้อภิปรายแน่นอนและจะไม่ให้ลูกพรรคไปอภิปรายนอกสภาเหมือนครั้งที่แล้ว
พร้อมย้ำว่า จะมีคู่เด็ดทุกวัน และไม่น่าเบื่อ ไม่มีน้ำท่วมทุ่ง แต่จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ รวมถึงทำให้เห็นความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้มากที่สุด
พิธา ลิ้มเจริญ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมเปิดงานปล่อยบอลลูนยักษ์ในเขตบางขุนเทียน พร้อมณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน เพื่อแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นำร่องสร้างเศรษฐกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ กทม.
พิธา เปิดเผยว่า กิจกรรมวันนี้เป็นการเตรียมความพร้อม หาโอกาส ในช่วงวิกฤติโควิด-19 โดยเฉพาะช่วงการท่องเที่ยวที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งการท่องเที่ยวบอลลูนในกรุงเทพยังไม่มี ตนในฐานหัวหน้าพรรคจึงอยากหาโอกาสใหม่ๆ หาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อเป็นแม่เหล็กใหม่นอกจากการ ดูหอย ปูปลา ปลูกป่าชายเลน ในบางขุนเทียน ซึ่งกิจกรรมวันนี้เป็นการทดลองก่อน หากไปได้ดีอาจจะได้เห็นบอลลูนเฟสติวัลในบางขุนเทียน ให้คนกรุงเทพชั้นในมาท่องเที่ยว
พร้อมยอมรับว่า แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับการส่งผู้ว่า กทม.ของพรรคก้าวไกล เนื่องจากต้องมีการเผชิญกับวิกฤติการท่องเที่ยวจึงต้องการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่เป็นนโยบายผู้ว่า กทม. ซึ่งจะเน้นเกี่ยวกับนวัตกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงการศึกษา และเรื่องปากท้อง อื่นๆ โดยจะส่งว่าที่ผู้สมัคร สก.ส่งทั้ง 50 เขตแน่นอน
ทั้งนี้ ตัวผู้สมัครผู้ว่า กทม.ในนามพรรคก้าวไกล ได้ดำเนินการมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ขณะนี้ยังใช้เวลาในการเฟ้นหา เพราะต้องการ ผู้ว่า กทม. ที่แตกต่างจากสเปคเดิมๆ ที่เน้นนำงบประมาณสร้างการคมนาคมอย่างเดียว แต่ต้องเป็นผู้สมัครที่เข้าใจคน กทม.จริงๆ ไม่ว่าจะฐานะเป็นอย่างไร
ส่วนการเปิดชื่อคู่แข่งอย่าง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นั้น ยืนยันว่าผู้สมัครของพรรคก้าวไกล จะมีจุดแข็งที่นำไปสู่ถูกต้อง "ใหม่ ชัด โดน"
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเปิดตัวก่อน จะได้เปรียบเสมอไป เพราะที่ผ่านมาเปิดเร็ว ช้ำเร็วก็มี โดยเสปกผู้สมัครของก้าวไกล จะต้องรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น PM 2.5 ต้องรู้ว่าปัญหาเกิดมาจากอะไร จะแก้ปัญหาอย่างไรให้ตรงจุด สามารถทำงานร่วมกับ ส.ส.ได้ อาจจะมาจากสายวิศวะ หรือ อาชญากรรม พร้อมระบุว่า ต้องเป็นคนรุ่นใหม่ และมีวิธีคิดบริหารแบบใหม่ ไม่จำกัดอายุ และไม่จำเป็นว่าต้องเปิดชื่อแล้วทุกคนจะรู้จัก เพราะการจะเอาแค่คนรู้จักมาเป็นผู้ว่าเป็นการเมืองแบบเก่าเกินไป
ส่วนรายชื่อที่เปิดเอามาก่อนค่อนข้างชื่อเสียงและมีอิทธิพล ก็ต้องถามว่า ประชาชนจะเอาแค่คนมีชื่อเสียง มีอิทธิพล หรือไม่ เพราะตนมองว่าไม่จำเป็น ที่ผู้ว่าจะเก่งแค่ไหน ถ้ากฎหมาย ไม่อนุญาตให้ทำก็ไม่สามารถทำได้ พร้อมเปรยว่าขณะนี้พรรคไกลมีคนในใจแล้วแต่ขออุบไว้ก่อน และต้องดูจังหวะการเมืองด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :