ลิณธิภรณ์ วริณวัชระโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหารัฐบาลว่า การใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) มาทำเป็นนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet นั้น เป็นดีเอ็นเอเดียวกันกับโครงการรับจำนำข้าวในอดีต
ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงความชัดเจนหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 67 ว่า นโยบายเรือธงนี้ จะยกระดับเศรษฐกิจได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะใส่เงิน 5 แสนล้านบาท ในระบบเศรษฐกิจ ลงไปถึงฐานรากครอบคลุมประชาชน 50 ล้านคน ให้ได้ใช้เงินในไตรมาส 4 จับจ่ายใช้สอยในร้านค้าที่กำหนด ส่งผลเศรษฐกิจให้เติบโต 1.2-1.6% ยืนยันจะทำตามรัฐธรรมนูญ และกระบวนการตามกฎหมายระเบียบและตรวจสอบได้
ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า หากนายจุรินทร์จะย้อนไปถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ควรศึกษาอย่างถ่องแท้ เพื่อจะได้เห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวพิสูจน์แล้วว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก กระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลต่อภาคการผลิตอย่างมีนัยสำคัญภายใต้บริบทสังคมและเศรษฐกิจขณะนั้น
ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า มาบัดนี้ปี 2567 การที่นายจุรินทร์ หลงยุคไม่พอ ยังเชื่อมโยงโครงการในอดีตแบบผิดฝาผิดตัว จึงเป็นการด้อยค่าโครงการที่เป็นนโยบายดี ๆ ในปัจจุบันไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อธนาคารโลก ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2567 จากเดิมคาดจะโต 3.2% ลดลงมาเหลือเพียง 2.8% นายจุรินทร์ จึงควรมองเห็นโอกาสและความเจริญที่รัฐบาลมุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยที่ซบเซา ให้เกิดการผลิตทั่วทั้งระบบ และกลับมาแข็งแรงตั้งแต่ฐานราก มากไปกว่านั้น ดิจิทัลวอลเล็ต ยังเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจดิจิทัลครั้งใหญ่ ให้ในอนาคต รัฐบาลดำเนินนโยบายอย่างแม่นยำและเข้าถึงประชาชนตรงเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น การวางโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลจึงต้องเริ่มต้นขึ้นแล้ววันนี้ภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย
ลิณธิภรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนกรณีการดำเนินการตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังฯ นั้น นายเศรษฐา กล่าวย้ำแล้วว่า สามารถทำได้ และ ธกส. มีสภาพคล่องเพียงพอ แต่ที่สำคัญที่ นายจุรินทร์ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อาจหลงลืมไปคือ นโยบายการประกันราคาข้าว ก็อาศัยช่องทางมาตรา 28 เช่นกัน แต่ที่ไม่เหมือนกันคือความล้มเหลว และไม่ประสบความสำเร็จ
“อยากฝากถึง นายจุรินทร์ เมื่อไรจะเลิกขวางความเจริญ เลิกด้อยค่านโยบายดี ๆ แบบไร้ความรับผิดชอบ วิจารณ์ทุกสิ่ง เอาเวลาไปปรับปรุงนโยยายพรรคที่ตนสังกัด และอย่าสร้างวาทกรรมด้วย บิดเบือนสังคมด้วยคำว่า “โกง” ยกตนดีกว่าใคร จนลืมว่า “ถุงมือยาง” ที่มีการทุจริตตอนท่านเป็นรัฐมนตรี จนสังคมตั้งคำถามมันเกิดขึ้นจริงใช่หรือไม่ อย่ามัวกังวลนโนบาย ดิจิทัลวอลเล็ตที่คิดมาอย่างรอบคอบเลย” ลิณธิภรณ์ กล่าว