คณะรัฐประหารที่นำโดยกองทัพเมียนมา ออกคำสั่งให้บรรดาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตปิดกันการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์หลายแพล็ตฟอร์มรวมถึง เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมเป็นการชั่วคราว ท่ามกลางกระแสที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มใช้สื่อโซเชียลเคลื่อนไหวทำกิจกรรมอารยะขัดขืนเพื่อประท้วงการรัฐประหาร
ในคำสั่งของกองทัพเมียนมาอ้างว่า เหตุที่ต้องแบนสื่อโซเชียลมีเดียเป็นเวลา 3 วัน เนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคง โดยการแบนมีผลตั้งแต่คืนของวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา จนถึง 7 ก.พ เวลา 23:59 น.
อย่างไรก็ดีมีรายงานว่าชาวเมียนมาหลายคนได้หาช่องทางการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่าน VPN รูปแบบอื่นๆ ไว้แล้ว ซึ่งเฟซบุ๊กคือสื่อโซเชียลมีเดียที่ชาวเมียนมาให้ความนิยมสูงสุด และเข้าถึงมากที่สุด
เพียงไม่นานหลังกระทรวงสารสนเทศของเมียนมาสั่งระงับเข้าถึง ด้านโฆษกของเฟซบุ๊กแถลงว่า "เราขอเรียกร้องให้ทางการเมียนมาเชื่อมต่อเฟซบุ๊กอีกครั้ง เพื่อให้ประชาชนสามารถสื่อสารถึงครอบครัวและเพื่อนๆ ได้ และเพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญด้วย"
การสั่งบล็อกนี้มีขึ้นหลังมีกระแสชาวเมียนมาใช้ช่องทางสื่อโซเชียลมีเดียเคลื่อนไหวนัดหมายทำกิจกรรมแสดงอารยะขัดขืนในหลากหลายรูปแบบ ทั้งกลุ่มแพทย์ที่รวมตัวนัดหยุดงานประท้วง ชาวเมียนมาในนครย่างกุ้งนัดส่งเสียงเคาะหม้อและสิ่งของต่างๆ ตลอดจนการบีบแตรรถสนั่นหวั่นไหวไปทั่วเมื่องเพื่อแสดงความไม่พอใจที่ทหารเมียนมายึดอำนาจพรรคของอองซาน ซูจี รวมไปถึงบรรดาศิลปินคนมีชื่อเสียงในเมียนมาที่ใช้แพล็ตฟอร์มอินสตาแกรมเป็นช่องทางแสดงจุดยืนต่อต้านการรัฐประหารด้วยการโพสต์รูปและใช้สัญลักษณ์ 3 นิ้ว เช่นเดียวกับคราวกระแสการประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย
ด้านพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ เอ็นแอลดี เผยว่า ศาลเมียนมาได้ออกคำสั่งควบคุมตัวอองซาน ซูจี และอดีตประธานาธิบดีอูวินมินต์ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ จนถึง 15 ก.พ. หลังจากที่ทางการเข้าค้นภายในบ้านพักของนางซูจีในกรุงเนปิดอว์
รายงานระบุว่า ตำรวจตั้งข้อทำผิดกฎหมายการนำเข้าและส่งออก รวมถึงครอบครองวิทยุสื่อสาร หรือ “วอล์คกี้ทอล์คกี้” โดยไม่มีใบอนุญาต โดยตำรวจระบุว่าอุปกรณ์สื่อสารดังกล่าวมีไว้สำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของนางซูจี ทั้งระบุว่า การกักขังเป็นไปเพื่อการสอบสวนและค้นหาพยานหลักฐาน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตั้งข้อหาอูวินมินต์ อดีตประธานาธิบดีเมียนมา ที่ถูกกองทัพปลดจากตำแหน่ง โดยอ้างว่าอดีตผู้นำเมียนมาทำผิดมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในช่วงการหาเสียงตั้งเมื่อเดือน พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นสำนักงานของพรรคเอ็นแอลดีในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ