วันที่ 21 มิ.ย. ที่ โรงแรม เอส.ซี. ปาร์ค อดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวระบายความรู้สึกในห้องประชุมสัมมนา ส.ส.ใหม่ของพรรคเพื่อไทยอย่างดุดันต่อหน้าแกนนำพรรคว่า ไม่มีพรรคใดในการเลือกตั้งที่ได้คะแนนเสียงเกิน 250 เสียง จึงมีศักดิ์ศรีเท่ากัน แต่ในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหมดพรรคก้าวไกลได้ 151 เสียง แน่นอนตามประเพณีต้องให้เขาเป็นฝ่ายบริหารไป ซึ่งผมและทุกคนเห็นด้วย ที่จะสนับสนุนคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยความจริงใจ
แต่ไม่ใช่ได้บริหารแล้ว คุณจะหาวเอาเดือนเอาดาว มาเอาประธานสภาไปด้วย ซึ่งผมมองว่ามันมากจนเกินไป ไม่ได้เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตา ผมจึงออกมาพูดเรื่องนี้โดยไม่ได้นัดหมาย อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีอคติ ไม่ได้สู้เพื่อให้ตัวเองได้เป็นประธานสภา แต่สู้เพื่อให้เพื่อไทยยิ่งใหญ่ไม่ใช่ลูกง้อของพรรคการเมืองใด
เราเหนื่อยยากมาแน่นอนว่า ส.ส.ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ มีเป้าหมายสูงสุดคือประธานสภาแต่ถึงเวลาเหมาะสมหรือไม่
ผมเห็นใจในการเจรจาไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านเจรจาอย่างไร ทราบว่าเป็นการเจรจาเพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีและประธานสภาด้วย หยุดเดินไปด้วยกันด้วยความสนะนาม เพื่อบ้านเมืองที่สง่างาม ไม่ใช่เอาทุกเรื่อง
อดิศร ยังกล่าวอีกว่า ท่านประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ได้ติงความเห็นของผมว่าอย่ากินรวบให้กินแบ่ง พูดอย่างนั้นมันไม่ดี ชาวบ้านฟังแล้วเหมือนหมาแย่งผลประโยชน์กัน แต่ให้ใช้ศัพท์ทางรัฐศาสตร์ว่า check and balance คือการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน คุณได้บริหารผมได้นิติบัญญัติ ถ่วงดุลและทำงานด้วยกัน ก็ต้องขอบคุณพี่ประยุทธ์ด้วยที่พาดพิงเนื่องจากอยากให้พี่ขึ้นมาพูดต่อ
ผมมีความเจ็บปวดที่ต้องออกมาพูดในวันนี้ ถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถให้ประธานสภาแก่พรรคก้าวไกลได้ เพราะคุณสูงแค่ 151 เมื่อมีข้อขัดแย้งในสภาก็ต้อง โหวตกันในสภา คุณได้เพื่อนฝูง 100-500 มากพอก็ได้เป็นประธาน ถ้าได้น้อยก็ไปเป็นอย่างอื่น
อดิศร ยืนยันว่า ศักยภาพของบุคคลเรา ที่อยู่ที่นี่เรามีบุคลากรที่เหมาะสมมากกว่าเขา ผมไม่อยากเห็นสามเณรกับพระบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส จะอยู่อย่างไรเมื่อการประชุมสภามีวุฒิสมาชิกด้วย
ส่วนของเราไม่ต้องเอ่ยชื่อเพราะเป็นได้ทุกคน ท่านจาตุรนต์ ท่านสุชาติ ท่านชูศักดิ์ก็เป็นได้ และผมก็เป็นได้ ทำไมจะเป็นไม่ได้เพราะผมเป็นส.ส. มาตั้งแต่ปี 2551 เรามีบุคลากรมากพออย่าพึ่งไปยอมเขาง่ายๆ
โดย อดิศร กล่าวอีกว่า ขออภัยภูมิธรรม ที่ทะเลาะเบาะแว้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อให้พรรคเพื่อไทยกลับมายิ่งใหญ่ “พรรคเพื่อไทยไม่ใช่สาขาของพรรคก้าวไกล” ทุกเขตเลือกตั้งเราสู้กับพรรคก้าวไกลทั้งนั้น การทำงานทางการเมืองอย่าอ่อนต้องแข็ง เรามีประสบการณ์ 22 ปี ไม่ได้แพ้ ความคิดอาจจะแตกต่างกันแต่พรรคเพื่อไทยต้องยิ่งใหญ่ใน 4 ปีนี้ และทำงานทันทีที่สภาฯ เปิด
"ดูประหนึ่งว่าเราเป็นห่วงความรู้สึกของทางก้าวไกล ว่าถ้าเขาไม่ร่วมเขาจะเป็นฝ่ายค้านยังไงจะสูญพันธุ์หรือเปล่า คุณเป็นก้าวไกล หรือเพื่อไทย ผมไม่ได้มีอารมณ์แต่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ในอนาคต สิ่งที่ผิดพลาดมาเราแพ้อย่างไรก็ต้องสรุปบทเรียน"
“เรื่องประธานสภาถึงอย่างไร ผมคิดว่าควรจะเป็นของพรรคเพื่อไทย โดยศักยภาพและทฤษฎีต่างๆ ส่วนก้าวไกลต้องถอย ซึ่งจะทำให้รัฐบาลผสมในอนาคตเดินทางไปสู่การแก้ไขปัญหา บ้านเมืองได้อย่างสะดวกโยธิน”