ที่รัฐสภา สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยาว่า ที่มีการกล่าวหาว่าตนเนรคุณนั้น ตนได้เล่านิทานพงศาวดารไปแล้วว่าที่มาที่ไปคืออะไร ถามว่าหากเป็นนักรบคนนี้จะถวายหัวให้กับคนที่เห็นคุณค่า หรือแม่ทัพที่เป็นอัลไซเมอร์ เป็นนิทานที่สอนให้คิด คนชลบุรีเขารู้ แต่ตนไม่เคยพูดเรื่องนี้ เพราะไม่คิดที่จะพูด แต่พอมีเรื่องที่พุ่งเป้ามาที่ตน เราต้องชี้แจง ไม่อย่างนั้นจะมองว่าเป็นอย่างที่เขาพูด ส่วนศึกนี้จะจบอย่างไรนั้น ก็ไม่ต้องจบอย่างไร แต่จะพิสูจน์ว่าพี่น้องประชาชนจะช่วยใครอยากจะส่งเสริมใครให้เป็นตัวแทนของเขา ก็เจอกันที่ศึกครั้งหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า การโพสต์ไปมาแบบนี้เป็นการแตกหักกับบ้านใหญ่ชลบุรีใช่หรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า เขาไม่ได้อยู่กับทางนี้อยู่แล้ว ส.ส.ชลบุรีรู้อยู่แล้วว่าฝั่งไหนเดินทับหาเสียงเขตเขาอยู่ ตนในฐานะผอ.พรรคพลังประชารัฐได้รับสั่งการจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้จัดผู้สมัครรับเลือกตั้งในครั้งหน้า ซึ่งได้มีการเจรจาไปยังฝั่งคนสนิทของเขาหลายคนว่าเอาอย่างไร แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จนระยะเวลาทอดยาว และมีเหตุการณ์ที่คนใกล้ตัวของเขามาเดินทับเขตส.ส.ของพรรค ส.ส.จึงมีความรู้สึกที่ไม่มั่นคง ดังนั้น ต้องมีความชัดเจน
สุชาติ กล่าวว่า จะทำงานถวายหัวให้กับคนที่ดูแลและชุบเลี้ยงตน และตนเคยช่วยเหลือดูแลถวายชีวิต ซึ่งมันจบไปแล้ว แต่เราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เหมือนน้อง ไม่มีความคิดที่จะอะไรกับเขา แต่ครั้งนี้ไม่ทราบว่าเกิดเหตุจากคนใกล้ตัวหรือไม่ ไปพูดต่างๆ นานาจนเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ เพราะตนไม่ได้ตั้งธงที่จะไปสู้รบกัน
"ผมคิดว่าทางการเมือง มันไม่ใช่ธุรกิจครอบครัวของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง มันเป็นเรื่องความศรัทธาของพี่น้องประชาชน ว่าจะเลือกใครเป็นผู้แทนของท่าน คือเสียงของประชาชน จะมาบอกว่าเราสร้างอาณาจักร อาณาจักรไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว ถามว่า ความหมายอาณาจักรไปสร้างเพื่ออาณาจักรธุรกิจหรือ ผมสร้างอุดมการณ์ร่วมกันกับผู้นำ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง เรารวมตัวกันด้วยการรักประเทศชาติบ้านเมือง"
สุชาติ กล่าวว่า เราไม่สามารถบังคับให้คนหลายๆ คนมาร่วมอุดมการณ์เดียวกันกับเราได้ถ้าอุดมการณ์ไม่ตรงกัน และยืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่เล่านิทานให้ฟังเพื่อให้คิดว่าหากเป็นสื่อจะสู้ถวายหัวให้ใคร ส่วนที่มีการเปรียบเปรยว่าตนเป็นหมา ยืนยันว่าตนไม่ใช่หมา แต่ขอเป็นนักรบในนิทานแล้วกัน ขณะที่ตนก็เป็นคนเลี้ยงหมา หมานั้นรักเจ้าของ รักลูกเจ้าของ และไม่กัดเจ้าของ แต่พอเจ้าของได้จากไป ถามว่าลูกเจ้าของเลี้ยงหมาตัวนั้นอย่างไร อดอยาก ทุบตี ไม่ให้ความรัก อยู่ๆ ไปปล่อยวัด จะมาบอกว่า มีคนเอาหมาไปเลี้ยง แล้วว่าหมาตัวนั้นเนรคุณ มันไม่ใช่อยู่แล้ว เพราะตนไม่ใช่หมา ย้ำว่านิทานยังมีอีกหลายตอน ส่วนจะมีภาค 2 หรือไม่ ตนหยุดแล้ว แต่ถ้าเขาไม่หยุดก็มี
เมื่อถามถึงการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.10 เขตของชลบุรี ในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น สุชาติ กล่าวว่า ได้วางตัวครบหมดแล้ว ตอนนี้รอเพียงอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ซึ่งเว้นไว้ 1 ที่ เพราะอิทธิพลกับตนเหมือนพี่น้องกัน ส่วนตัวไม่มีอะไรกัน ยืนยันว่า ความขัดแย้งกันในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องการวางผู้สมัครส.ส.ไม่ลงตัว เพราะเขาอาจจะมีทางที่จะไปก่อนหน้านี้แล้วตามข่าว ซึ่งไม่สามารถไปพูดแทนเขาได้ แต่การที่ไปทับเขตส.ส.เดิมถือเป็นมารยาท
เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้สอบถามเรื่องนี้หรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคให้ตนทำตามภารกิจหน้าที่อยู่แล้ว ต้องดูแลในส่วนของผู้สมัคร หากตนไม่มีผู้สมัครเตรียมไว้เท่ากับบกพร่องในหน้าที่ ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบ้านใหญ่ชลบุรีนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเขตพื้นที่มากกว่าในทางการเมือง และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากหากความเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่ต้องพูดถึงกัน ต่างคนต่างอยู่คนละพรรค แข่งกันด้วยความศรัทธา แค่นั้นก็จบแล้ว และยืนยันว่าส.ส. ชลบุรี ของพรรคพลังประชารัฐทุกคนยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เพราะทุกคนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีตามไปทางโน้นสักคน และคนที่เป็นส.ส.เก่าจะถูกส่งลงสมัครทุกคนเช่นเดียวกัน ส่วนในเขตที่ไม่มีส.ส เรามีตัวผู้สมัครเตรียมไว้แล้ว
เมื่อถามว่า จะกลับมาทำงานด้วยกันได้อีกหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า ในทางการเมืองถ้าด้วยจิตสำนึกที่คำนึงถึงบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องของส่วนตัว มาคุยได้หมดทุกอย่าง ตนเป็นน้อง ไม่ได้อยากมีปัญหากับพี่ๆ
เมื่อถามว่า อยากเคลียร์หรืออยากคุยหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่่า ไม่อยาก เพราะตนวางตัวผู้สมัครไว้หมดแล้ว จะได้พิสูจน์กันว่าพี่น้องชลบุรีจะได้มีการเปลี่ยนแปลง หรือจะเป็นการเมืองแบบเดิมๆ