ไม่พบผลการค้นหา
'สุชาติ' เมินข่าว ส.ส.พปชร.ร่วมงานวันเกิด 'เนวิน' ชี้เป็นเรื่องปกติ ส่วนอนาคตและอุดมการณ์เป็นเอกสิทธิ์แต่ละคน เชื่อกระแสนิยม พปชร. ไม่ลด ปลื้ม 'ประยุทธ์' หวนตำแหน่ง ปัดตอบชู 'จักรทิพย์' ทายาท 3 ป.

วันที่ 5 ต.ค. 2565 ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่มี ส.ส. พรรคพลังประชารัฐไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดของ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จ.บุรีรัมย์ ว่า โดยส่วนตัว ในการจัดงานดังกล่าวสามารถที่จะไปร่วมงานได้ แม้แต่ตนก็ยังเคยไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดใน วัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย แต่ความชัดเจนที่ว่าใครจะอยู่ตรงไหนหรือจะย้ายไปต่ออย่างไรนั้น อีกซักระยะหนึ่งทุกคนก็จะได้ทราบ 

สุชาติ กล่าวอีกว่า ส.ส.ทุกคนยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐอยู่ สำหรับ ส.ส. ที่ไปร่วมงานดังกล่าวก็ถือว่าเป็นเพื่อน ซึ่งเราไม่สามารถที่จะไปบังคับการดำเนินชีวิตทางการเมืองของแต่ละคนได้ เพราะแต่ละคนที่เข้ามาเป็น ส.ส.ต่างก็มีอุดมการณ์ เป็นของตัวเอง ควรปล่อยให้เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว การที่คนเป็นเพื่อนกันและไปร่วมแสดงความยินดีต่อกันนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นประเด็นทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ ส.ส. ที่เดินทางไปร่วมงานวันเกิดเนวินบ้างหรือยัง สุชาติ กล่าวว่า เวลาที่คุยกับทุกคนก็ยังยืนยันว่าอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ แต่ในอนาคต เมื่อถึงเวลาทุกคนก็จะได้เห็นกันหมดว่าใครพร้อมที่จะเดินก้าวไปด้วยกัน หรือใครมีแนวทางและความคิดที่จะเดินไปในแนวทางอื่น 

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามี ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเพิ่มขึ้นจาก 2 เป็น 8 คน เป็นเพราะกระแสนิยมที่ต่ำลงหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า มุมมองของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับกระแสของพรรคพลังประชารัฐที่ทุกคนคิดว่าไม่ดีนั้น อาจจะเป็นแค่เรื่องการคิดเองเออเองอุปโลกน์เอง หรือแค่ไปติดตามจากสื่ออีกช่องทางหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามพรรคพลังประชารัฐ แต่หากติดตามการทำงานของพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าพรรคอย่าง พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ รวมถึงรัฐมนตรี และ ส.ส. ประชาชนก็จะเห็นภาพสะท้อนว่าพรรคได้ทำอะไรมาหลายๆ อย่าง

สุชาติ กล่าวอีกว่า ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานก็ได้เสนอเรื่องสำคัญให้ที่ประชุมคณะมนตรีดนตรี เพื่อดูแลประชาชน 20 ล้านคน ดูแลแรงงานนอกระบบ ดังนั้น ถ้าจะมาบอกว่ากระแสพรรคพลังประชารัฐไม่ดีหรือไม่ได้ทำอะไรเลยนั้นไม่จริง เพราะถ้าจะให้เขียนก็มีเยอะมากบรรยายจนไม่หมด

อย่างไรก็ตาม สุชาติ ยังประเมินอีกว่า สถานการณ์การเมืองในขณะนี้เป็นช่วงที่นับถอยหลัง แม้พรรคของเราจะมีคนออกบ้างแต่ก็มีคนเข้ามา เช่นเดียวกับพรรคอื่นที่มีทั้งขนเข้าและคนออก ถือเป็นเรื่องปกติที่จะมีการหมุนเวียนกันไป แต่คนที่เป็น ส.ส.ไม่ว่าจะย้ายเข้าไปอยู่กับพรรคไหนก็ไม่ได้หมายความว่า ส.ส.ทั้ง 500 คนในขณะนี้จะได้รับเลือกกลับมาทั้งหมดในการเลือกตั้งครั้งหน้า 

"การเมืองมีคนใหม่ๆ เข้ามา ขณะที่คนเก่าเองก็อาจจะสอบไม่ผ่านถือเป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญอยู่ที่ความนิยมและอยู่ที่ว่าเมื่อได้รับเลือกเข้ามาเป็นส.ส.แล้วได้ปฎิบัติตัวกับประชาชนอย่างไร" สุชาติ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงความยินดีที่พรรคพลังประชารัฐ ประกาศเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สุชาติ กล่าวว่าการจะส่งชื่อบุคคลขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ.จะต้องมีการพูดคุยและหารือกันภายในพรรค ไม่ควรเอาความคิดส่วนตัวไปพูดต่อสาธารณชน ส่วนตัวคิดว่าในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็อาจจะส่งชื่อนายแพทย์ชลน่านในฐานะหัวหน้าพรรคไปชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ จึงอยากถามกลับไปว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนพ.ชลน่านไปชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่

“ถ้าคุณบอกว่าพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อพล.อ.ประวิตรที่เป็นหัวหน้าพรรค เมื่อเป็นเช่นนั้นทางพรรคเพื่อไทยก็ควรจะส่งชื่อ นพ.ชลน่าน ตามตรรกะเดียวกัน อย่างไรก็ตามทุกอย่างไม่ได้อยู่บนตรรกะเดียวกัน ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค ความลงตัว และจังหวะเวลาทางการเมือง” สุชาติกล่าว

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐ จะเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 3 รายชื่อหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคจะพิจารณา ตนไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเอง

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามในฐานะที่เป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ การเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีควรเสนอชื่อคนในพรรคอย่างเดียวหรือควรมีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมด้วย สุชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ควรที่จะมีการพูดว่าจะเสนอชื่อใครเป็นอันดับ 1-3 ควรจะให้เป็นมติของที่ประชุมพรรคดีกว่า

เมื่อถามถึง กระแสข่าวชื่อของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.ที่จะเข้ามาเป็นทายาททางการเมือง ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ และปัจจุบันก็เข้ามามีบทบาทภายในพรรคพลังประชารัฐแล้ว สุชาติ ตอบว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้เริ่มเข้ามาช่วยงาน ในพื้นที่โซนภาคอีสาน เพราะเป็นพื้นที่ที่พรรคยังอ่อนแอ และไม่ได้เข้าไปยุ่งในส่วนอื่น

เมื่อถามว่าจะมีชื่อติด 1 ใน 3 ของผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่าเรื่องนี้พูดไม่ได้เพราะต้องเป็นมติพรรค ถ้าพูดไปก่อนจะเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก แต่ยืนยันในพรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามจากการพูดคุยกับ ส.ส.บางส่วน หลายคนก็มีความสุขที่พล.อ.ประยุทธ์กลับเข้ามาปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เรื่องนี้จะเป็นพลังให้พวกเราทุกคนทำงานต่อไปได้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามยังได้ถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ลาการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันเดียวกันนี้ จะทำให้คิด และถูกมองว่าเป็นรอยร้าวอะไรหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า คงไม่มีอะไร ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ลงพื้นที่ในหลายจังหวัด แม้แต่ในนายกรัฐมนตรีเองยังพูดเลยเลยว่าเป็นห่วง พล.อ.ประวิตร เพราะออกงานจำนวนมากในช่วง 30 กว่าวันที่ผ่านมา ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ออกงานมากกว่าพวกตนและ ส.ส.ในพรรคเสียอีก จึงต้องให้กำลังใจเพราะ พล.อ.ประวิตร มีความตั้งใจในการทำงาน