วันที่ 1 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการหารือกับโรงกลั่น เพื่อขอความร่วมมือนำกำไรจากค่าการกลั่นมาช่วยเหลือในกองทุนน้ำมัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ว่า เรื่องนี้ให้ทางบริษัทโรงกลั่นเขาคุยกันเอง โดยมีคณะกรรมการจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปร่วมเจรจา และเชื่อว่ากลุ่มโรงกลั่น จะพิจารณาและกำหนดทิศทางไปในทิศทางที่ดี เห็นได้จากเวลานี้ยังมีการเจรจากันอยู่ มิเช่นนั้นคงเลิกประชุมไปแล้ว ส่วนจะได้คำตอบเมื่อใดคงต้องรอ โดยคาดว่าภายในเดือนก.ค.นี้ จะต้องเห็นผลอะไรออกมาบ้าง
ทั้งนี้ยอมรับว่า การใช้มาตรการบังคับในตลาดเสรี เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่การใช้ความร่วมมือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แม้แต่ในอเมริกา ประธานาธิบดียังใช้การขอความร่วมมือจากไปถึงผู้ประกอบการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดทางโรงกลั่นยังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องนี้ รมว.พลังงาน กล่าวว่า มีเรื่องของข้อกฎหมาย ที่เราจะรวบรวมเพื่อถามคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยต้องดูความสมัครใจของโรงกลั่นด้วย ขณะที่บางกลุ่มมีข้อเสนอว่าควรจะใช้กฎหมายบังคับเนื่องจากมีเรื่องของการถือหุ้นในบริษัทมหาชน
“บริษัทเหล่านี้ทำธุรกิจไม่ได้ทำเพื่อกำไรสูงสุดอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงสังคมและชุมชนด้วย เพราะปัจจัยเหล่านี้นำไปใช้อธิบายกับผู้ถือหุ้นได้ เรื่องใดที่อยู่ในระดับที่เหมาะควรทำได้อยู่แล้ว เพราะเป็นนโยบายของแต่ละบริษัทที่ประกาศตนเป็นบริษัทที่ยังยั่งยืนและมีธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นธรรมดาของบริษัทที่ดี การจะยั่งยืนอยู่ได้ ไม่ใช่ตัวเองจะร่ำรวยอยู่คนเดียว ต้องดูพวกบริโภคและคนรอบข้างไปด้วยกันได้”
เมื่อถามว่า มาตรการของรัฐบาลจะเป็นการขอบริจาค แทนการออกกฎหมายกับโรงกลั่นใช่หรือไม่ สุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า “ไม่เคยขอใคร เขาจะบริจาคก็บริจาค เราไม่ได้เที่ยวไปขอใคร อยากให้เข้าใจ เดี๋ยวจะหาว่าไปบังคับ แต่ให้เขาพิจารณาเองว่าจะช่วยในรูปแบบไหน”
เมื่อถามว่าทั้ง 6 โรงกลั่นต้องส่งเงินให้รัฐทั้งหมดหรือไม่ สุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องพิจารณากันดู บางส่วนทำได้ก่อนก็ทำ บางส่วนจะขอรอคณะกรรมการก็ว่ากันไป