วันที่ 12 ก.ค. ที่อาคารรัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณี การถือครองหุ้นสื่อไอทีวี โดยระบุว่า ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญ กระบวนการพรุ่งนี้ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจมาให้โดยเสมอ ยังกำลังใจดีอยู่

พิธา ยังย้ำว่า ไม่กังวลว่าจะนำเรื่องนี้มาเป็นปัจจัยในการโหวตเลือกนายกฯ พร้อมเป็นเรื่องปกติ คิดว่า ส.ว. คงแยกแยะได้ แต่ละเรื่องมีหน้าที่อะไรบ้าง ซึ่งในคำร้องก็รู้อยู่แล้วว่าไอทีวีเป็นสื่อมวลชนที่ปิดไปแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน อีกทั้งคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ ก็ยังมีอยู่

พิธา ยังยอมรับว่า รู้สึกไม่เป็นธรรมที่ กกต. ไม่ได้เรียกไปชี้แจง และเลขาธิการพรรคก้าวไกลก็ได้แถลงข้อเท็จจริงแล้ว ว่าไม่สามารถเอาไปเทียบเคียงกับคดีกู้เงินพรรคอนาคตใหมได้ เพราะเป็นคนละรูปแบบกัน ดังนั้น ระเบียบของ กกต. เองควรเปิดโอกาสให้ชี้แจง

พิธา ยังมองว่า กรณีของตนใช้ระยะเวลาสั้น เพียงแค่ 32 วัน ถือเป็นครึ่งหนึ่งของคดี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จึงเป็นสิ่งที่ดูเร่งรัดไป และเป็น 1 วันก่อนโหวตเลือกนายกฯ จึงเป็นอะไรที่ไม่ควรเกิดขึ้น พร้อมเชื่อว่า ยังคงเดินหน้าตามปกติ 1 ใน 10 ของคดีของรัฐมนตรีในยุค คสช. ทั้ง 4 คน บรรทัดฐานก็ต่างกัน เป็นสิ่งที่ดูเร่งรัดไปนิด และก็เป็น 1 วันก่อนโหวตนายกฯ เป็นอะไรที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่ตนยังเชื่อมั่นว่ายังเดินหน้าตามปกติ กำลังใจมีแน่นอน 

เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องการล็อบบี้ ส.ว. ทั้งที่จะโหวตให้ พิธา และไม่โหวตให้นั้น พิธา ระบุว่า ดูสภาพแล้ว การที่มีความเคลื่อนไหวนอกสภาฯ แบบนี้ แสดงให้เห็นว่าในสภาฯ มีความมั่นใจว่าจะไปถึง 376 เสียง จึงได้เริ่มมีการใช้องค์กรอิสระข้างนอกสภาฯ หรือไม่ แต่ว่าพรุ่งนี้ในสภาก็มีแนวโน้มที่ดี 

พิธา ยังยืนยันว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้เหลืออีกเพียง 1 วัน ก่อนโหวตนายกฯ กระบวนการเป็นไปตามปกติ ไม่ได้เป็นสิ่งเกินความคาดหมาย สามารถบริหารจัดการได้ ในการอภิปราย 6 ชั่วโมง ตนจะตอบทุกข้อซักถาม ความกังวลใจ และแสดงวิสัยทัศน์จนถึง 17.00 น. ตามที่ประธานสภาฯ ระบุไว้