งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Epidemiology ชี้ว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด 50 วันและการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์อีก 30 วันนั้นสามารถช่วยควบคุมโรคระบาดได้
งานวิจัยชิ้นนี้ทีมนักวิจัยใช้โมเดลทางคณิตศาสตร์ในการจำลองสถานการณ์ต่างๆของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน 16 ประเทศ โดยเลือกจากกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง รายได้ปานกลางและประเทศยากจน รวมไปถึงการจำลองมาตรการและนโยบายต่างๆของกลุ่มประเทศเหล่านี้มาประกอบการคำนวณเพื่อหาอัตราการเสียชีวิตและการแพร่ระบาดของโควิดในเวลาระยะ 12 เดือนในประเทศที่มีรายได้สูงและ 18 เดือนในประเทศอื่นๆ
ผลการวิจัยพบว่า หากทั้ง 16 ประเทศการไม่มีมาตรการล็อกดาวน์เลยนั้น จะทำให้มีผู้ติดเชื้อที่อยู่ในภาวะวิกฤตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจะมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อประมาณ 7.8 ล้านคน
ขณะที่หากทั้ง 16 ประเทศใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเป็นระยะเวลา 50 วัน และผ่อนปรนมาตรการ 30 วัน จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อจะลดเหลือประมาณ 3.5 ล้านคน และอัตราการติดเชื้อจะเหลือเพียง 0.8 จาก 2.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากอัตราการแพร่กระจายของเชื้อต่ำกว่า 1 จะสามารถลดการแพร่ระบาดได้
ขณะที่หากใช้มาตรการล็อกดาวน์ 50 วันและผ่อนปรน 30 วันเป็นระยะเวลา 18 เดือนจะสามารถลดอัตราการแพร่เชื้อลงเหลือ 0.5 และอัตราการเสียชีวิตจะมีเพียง 130,000 รายเท่านั้น
ทีมวิจัยกล่าวว่า สถานการณ์จำลองทั้ง 3 รูปแบบที่มีการใช้มาตรการที่เข้มงวดกับมาตรการผ่อนปรนสลับกันนี้ เป็นแนวทางที่ยั่งยืนในการช่วยให้ประชาชนไม่ได้รับแรงกดดันทางเศรษฐกิจจนเกินไป โดยเฉพาะในประเทศที่ยากจน
ที่มา CNBC / livescience