นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานไปยัง 11 โรงงานให้ปรับไลน์การผลิตเพิ่มสำหรับหน้ากากอนามัยที่ใช้ทางการแพทย์แล้ว จากเดิมที่ผลิตได้วันละ 1,200,000 ชิ้น เพิ่มเป็น 1,760,000 ชิ้นแล้ว โดยจะกระจายไปยังสถานพยาบาล รวมถึงผู้ที่มีความต้องการใช้ 

นายจุรินทร์ ยอมรับว่า แม้จะเพิ่มกำลังการผลิตแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการและในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือเรื่องการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะในร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน รวมถึงการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ ของบริษัทไปรษณีย์ไทยจำกัด 

พร้อมยืนยันว่าจะกระจายหน้ากากอนามัยให้ทั่วถึงและดีที่สุด ส่วนวัตถุดิบที่จะใช้สำหรับการผลิตหน้ากากอนามัยมีการประสานงานไปยังจีนและประเทศอื่น ๆ เพื่อนำเข้าวัตถุดิบ หากมีโรงงานไหนที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ภาครัฐจะเข้าไปอุดหนุนต้นทุนส่วนเกินให้

ขณะที่การส่งออกหน้ากากอนามัย ในภาวะที่ประเทศกำลังขาดแคลนยังมีการส่งออกอยู่นั้น นายจุรินทร์ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามประกาศ ห้ามส่งออก เว้นแต่ได้รับอนุญาต หรือเป็นหน้ากากอนามัย ประเภทอื่นที่ประเทศไทยไม่ได้ใช้ก็จะส่งออกได้

นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเปิดเผยว่า มีที่ปรึกษาหญิงของรัฐมนตรีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับค่าหัวคิวการผลิตหน้ากากอนามัย ว่าถ้าหากพบผู้กระทำความผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันทีโดยไม่ยกเว้น

พร้อมกันนี้ นายจุรินทร์ยังออกมาขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกจนต้องเร่งซื้อสินค้าไปกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค พร้อมชี้ว่า ก่อนหน้านี้ได้เชิญผู้ประกอบการ และสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าประเภทต่าง ๆ เข้ามาพูดคุยแล้วและได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าภายในติดตามอย่างใกล้ชิดและเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา