ไม่พบผลการค้นหา
รายงานตัว ส.ส. วันที่ 5 "องอาจ" มาคนแรก บอก จับขั้วการเมืองที่ 3 เป็นเพียงกระแสข่าว ด้าน"ชวน" เผยรู้ทิศทางร่วมขั้วการเมืองใดหลัง 15 พ.ค.นี้ ยอมรับมีหลายฝ่ายติดต่อ ย้ำจุดยืนไม่ยอมรับ ที่มา ส.ว. เหตุไม่สอดคล้องรัฐธรรมนูญในหลายด้าน

วันนี้ (12 พ.ค.62) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดรับรายงานตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นวันที่ 5 มีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมารายงานตัวเป็นคนแรก พร้อมระบุถึงกระแสข่าวการจับขั้วที่ 3 ทางการเมือง ทั้ง พรรคประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา ว่า เป็นเพียงกระแสข่าวเท่านั้น ในส่วนของประชาธิปัตย์ ยังต้องรอผลการประชุมเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ เพื่อพูดคุยกับ ส.ส. ทั้งหมดของพรรคว่าจะเป็นไปในทิศทางใด

S__10461284.jpg

ทั้งนี้ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ในหลายทิศทาง ทั้งนี้การที่ผู้ใหญ่ในพรรคเคยมาออกมาย้ำอุดมการณ์ไม่สามารถร่วมงานกับนายทักษิณ ชินวัตร จะถือเป็นการปิดประตูร่วมพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายองอาจ ระบุก็ขึ้นอยู่กับมติของกรรมการบริหารพรรค

ส่วนที่มีหลายพรรคการเมืองประสานพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์นั้นนายองอาจย้ำว่าเป็น เรื่องปกติทางการเมือง ที่นักการเมืองจะพูดคุยกัน แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับมติพรรค เช่นเดียวกับการที่พรรคอนาคตใหม่ เสนอให้นานอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการยื่นข้อเสนอเข้ามาอีกมาก


"ชวน" ย้ำรู้ทิศทางร่วมขั้วการเมืองใดหลัง 15 พ.ค. 

นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ เชิญชวนพรรคประชาธิปัตย์ ลองปิดสวิตช์ ส.ว.ว่าขณะนี้ยังไม่มีการประสานมาจากพรรคอนาคตใหม่ในเรื่องนี้ แต่ก็ยอมรับว่ามีหลายฝ่ายประสานพูดคุยมายังพรรคประชาธิปัตย์ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถติดสินใจอะไรได้ ว่าจะร่วมการเมืองกับขั้วการเมืองใด เพราะต้องรอหลังวันที่ 15 พฤษภาคม ที่จะมีกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ตัดสิน ส่วนที่มีกระแสเรียกร้องให้ฟังเสียงประชาชน ตามที่เคยหาเสียงไว้นั้น นายชวน ระบุว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละพรรคที่เคยหาเสียงไว้ 

ทั้งนี้ นายชวน ไม่ขอแสดงความเห็นเรื่องของขั้วการเมืองที่มีเสียงปริ่มน้ำ เพราะขณะนี้ยังไม่เกิด 

ส่วนที่มาของ ส.ว.นั้น พรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนมาตั้งแต่แรกแล้ว คือ ไม่ยอมรับ เพราะเห็นว่าไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญในหลายด้าน และไม่ช่วยให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าเท่าที่ควร แต่เมื่อผ่านมาเป็นกฎหมายแล้ว ก็ต้องยอมรับ



อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :