ไม่พบผลการค้นหา
SPRC แถลงการณ์ขอโทษ เหตุน้ำมันรั่วกลางทะเล พร้อมรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งระยะสั้น-ยาว ตั้งจุดรับร้องเรียนไม่เว้นวันหยุด

บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 9 ระบุว่า ตามที่บริษัทฯ แจ้งเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อเวลา 21.06 น. ของวันที่ 25 มกราคม 2565

บริษัทฯ ได้ดำเนินการภายใต้การบัญชาการของ ศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.) บริษัทฯ ขอรายงานความคืบหน้าดังนี้

การปฏิบัติการทางทะเล ใช้เรือในการวางทุ่นกักน้ำมัน (boom) ในทะเลต่อไป เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของน้ำมันเข้าพื้นที่ชายฝั่งบริเวณอ่าวเพ ฝั่งตะวันตกของเกาะเสม็ด มีการใช้เรือ โดรน และเฮลิคอปเตอร์ ในการเฝ้าระวังและสังเกตการณ์คราบน้ำมันบนผิวน้ำตามแนวชายฝั่ง

การปฏิบัติการทางชายฝั่ง ปฏิบัติการกำจัดคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่อง บริเวณชายหาดแม่รำพึง ดำเนินการสำรวจเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณแนวชายฝั่ง

ด้านการเยียวยา ทางบริษัทฯ ยินดีที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งระยะสั้น และระยะยาว บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทางจังหวัดในการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ในกรณีน้ำมันดิบรั่วไหล ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล สามารถติดต่อและยื่นเรื่องได้ที่ จุดรับเรื่องราวร้องทุกข์ กรณีพบคราบน้ำมันกรณีพบน้ำมันดิบรั่วไหล ณ บริเวณชายหาด บ้านสบ๊าย สบาย รีสอร์ท ตำบลตะพง เวลา 9.00 - 15.30 น. ไม่เว้นวันหยุด หรือ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 1567

28333SPRC ศูนย์ร้องเรียน (6).jpeg

บริษัทฯ ขอแสดงความเสียใจและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจะดำเนินการอย่างดีที่สุดเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลรวมถึงชายฝั่ง บริษัทฯ ขอขอบคุณที่ได้รับความสนับสนุนเป็นอย่างดีทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน

สำหรับการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมัน บริษัทฯ ยังสามารถดำเนินงานด้วยความปลอดภัย หากมีความคืบหน้า บริษัทฯ จะรายงานสถานการณ์ให้ทราบเป็นระยะจนกว่าสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ


2 วัน มีผู้ร้องเรียนแล้ว 178 ราย

ชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า ภายหลังเปิดศูนย์รับเรื่องจากประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ 2 วัน พบว่ามีผู้ได้รับผลกระทบมายื่นเรื่อง จำนวน 178 ราย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องขาดรายได้จากการค้าขาย ขาดรายได้จากการทำประมงพื้นบ้าน ขาดรายได้จากการไม่มีนักท่องเที่ยวมาเช่าเปลและห่วงยาง