นิกกี เฮลีย์ ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติกล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC เรียกร้องให้ทุกประเทศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับเกาหลีเหนือ เพราะหากเกาหลีเหนือยังแสดงท่าทีก้าวร้าวเช่นนี้ต่อไป จะทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค เธอยังระบุว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง แต่หากเกิดสงครามขึ้น รัฐบาลเกาหลีเหนือจะถูกทำลายอย่างราบคาบ นอกจากนี้ เฮลีย์ยังเจาะจงให้จีนยุติการส่งน้ำมันให้เกาหลีเหนือ เพราะน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โดยก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวแถลงว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์หานายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนให้ทำทุกวิถีทางในการโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือหยุดพฤติกรรมยั่วยุ และกลับสู่กระบวนปลดอาวุธนิวเคลียร์ ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังเกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล 1,000 กิโลเมตรเมื่อวานนี้ (29 พ.ย.) ก่อนที่จะตกลงในทะเลญี่ปุ่น โดยทางการเกาหลีเหนืออ้างว่า ขีปนาวุธครั้งล่าสุดมีเพดานบินถึง 4,500 กิโลเมตร ซึ่งสูงที่สุดเท่าที่เกาหลีเหนือเคยทดสอบมา
ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงก็ยอมรับว่าขีปนาวุธนิวเคลียร์ลูกล่าสุด ที่เกาหลีเหนือทดสอบมีขนาดใหญ่ และตอกย้ำว่าเกาหลีเหนือได้ขึ้นไปเทียบชั้นกับมหาอำนาจนิวเคลียร์ชาติอื่นๆ อย่างสหรัฐฯ รัสเซีย อินเดีย อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว