ภายใต้แผนดังกล่าว ทางการจีนจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปยังสถานีตำรวจ ชุมชนที่อยู่อาศัยในเมือง และหมู่บ้านในพื้นที่ชนบทมากขึ้น โดยผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวเพื่อเสริมสร้างการเฝ้าระวังและควบคุมในครั้งนี้ของรัฐบาลจีนนั้น ได้รับแรงกระตุ้นจากความกังวลเกี่ยวกับการประท้วงล่าสุดในระดับท้องถิ่น หลังจากการบังคับใช้มาตรการโควิดเป็นศูนย์อย่างเข้มงวด จนก่อให้เกิดความไม่พอใจใฝนบรรดาประชาชนจีน
ตามเอกสารระบุว่า กำลังตำรวจในทุกเมืองและทุกมณฑลอย่างน้อย 40% จะถูกส่งไปทำงานที่สถานีตำรวจ และอย่างน้อย 40% ของบุคลากรเหล่านั้นจะถูกนำไปปฏิบัติงานในชุมชนที่อยู่อาศัย โดยในพื้นที่เมืองนั้น สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะในเขตเทศบาล จะได้รับการ "สนับสนุน" ให้ส่งเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้น อย่างน้อย 50% ของกำลัง เพื่อทำการตรวจตราประชาชนระดับรากหญ้า
ในขณะเดียวกัน กระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีนยังมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 1 นายสำหรับทุกหมู่บ้านในพื้นที่ชนบทของจีน ภายในสิ้นปี 2568 นับเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดข้อกำหนดเหล่านี้ในระดับชาติ อย่างไรก็ดี บางเมืองในมณฑลซานตงได้เริ่มใช้ข้อกำหนดเหล่านี้แล้ว รวมถึงมณฑลเสฉวนและมณฑลเหอหนานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์รายหนึ่งซึ่งอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่และขอไม่เปิดเผยนาม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เห็นว่าการส่งเสริมความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด และมีเป้าหมายเพื่อระงับความไม่พอใจในประชาชนจากประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่การว่างงานไปจนถึงเงินบำนาญ แต่เขากล่าวเสริมว่าการส่งตำรวจออกไปทั่วประเทศมากขึ้น จะทำให้เกิดภาระด้านงบประมาณของรัฐบาลจีนไปยิ่งกว่าเดิม
“ในระดับรากหญ้า มีการได้ยินเสียงต่อต้านดังพอสมควร ดังนั้น (ทางการต้องการ) เสริมการควบคุมโดยส่งกำลังตำรวจเข้าไปมากขึ้น” เขากล่าวพร้อมระบุเสริมว่า ทางการจีนจะต้องตรวจให้ได้ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน มากกว่าแค่ระดับเมือง อีกทั้งตั้งข้อสังเกตว่าระบบการจัดการแบบขีดเส้นแบ่งตาราง จะถูกนำมาใช้เพื่อเสริมการเฝ้าระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของจีน
อัลเฟรด วู รองศาสตราจารย์จากภาควิชานโยบายสาธารธะลีกวนยูแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า แผนดังกล่าวส่งสัญญาณถึงการให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพของระบอบการปกครองของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการประท้วงครั้งล่าสุดในประเทศ “ผมคิดว่ามันชัดเจนมากว่าสี (จิ้นผิง) ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับอำนาจและความมั่นคงของตัวเอง” วูกล่าว
เมื่อปลายปีที่แล้ว มีการประท้วงที่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ๆ ของจีน รวมถึงกรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ ต่อการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดของรัฐบาลจีน ซึ่งถูกยกเลิกทันทีหลังจากนั้นไม่นาน ก่อนจะมีการประท้วงอีกครั้งในเดือน ก.พ. จากการที่มีผู้เกษียณอายุพากันลงเดินขบวนบนท้องถนนในเมืองอู่ฮั่น เพื่อขอลดค่าประกันสุขภาพ
วูกล่าวว่าแผนของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีนระบุว่าต้องการให้เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ตรวจตรามากกว่าที่จะรับบทบาทการบริหาร “โดยทั่วไปแล้ว มันเกี่ยวกับความพยายามในการลดความเป็นไปได้ที่จะเกิดข้อพิพาท ซึ่งแพร่กระจายไปทั่วในระดับรากหญ้า ซึ่งเป็นความพยายามในการสร้างสังคมที่มีเสถียรภาพ โดยการเพิ่มตำรวจมากขึ้น (ในระดับปฏิบัติงานบนดิน)” วูกล่าว “ในทางทฤษฏีแล้ว นี่อาจไม่ใช่นโยบายที่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้ว สังคมไม่สามารถพึ่งพาตำรวจได้เพียงอย่างเดียว แต่วิธีการของจีนคือการใช้ตำรวจที่เพิ่มมากกว่าเดิม”
ที่มา: