ไม่พบผลการค้นหา
'พล.ต.ต.ปวีณ' เปิดใจปมถูกคุกคามจนต้องลี้ภัย เสียโอกาสสืบสาวตัวการใหญ่ ฝากถึงเพื่อน ตร. ยึดหลักกฏหมาย-อย่ากลั่นแกล้งใคร 'โรม' ผิดหวังไร้คำตอบจาก 'ประยุทธ์'

วันที่ 19 ก.พ. 2565 ที่อาคารอนาคตใหม่ รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ พรรณิการ์ วานิช คณะก้าวหน้า จัดแถลงข่าว 'กว่าจะเป็นตั๋วช้าง ภาค 2 เปิดเบื้องหลังอภิปรายรังสิมันต์ โรม' และพูดคุยทางออนไลน์กับ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญาที่สืบสาวเอาผิดข้าราชการทหารชั้นผู้ใหญ่ จนถูกกดดันก่อนต้องลี้ภัยไปยังประเทศออสเตรเลีย จากนั้นจึงได้เปิดเผยข้อมูลเบื้องลึกของคดีดังกล่าวให้ ส.ส.รังสิมันต์ ประกอบการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติในที่ประชุมสภา ซักถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา 

พรรณิการ์ เปิดเผยว่า การอภิปรายนี้ใช้เวลาเตรียมการกว่า 2 ปี ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ โดย ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ในขณะนั้นยังไม่เป็นที่จดจำนัก เนื่องจากเวลาอภิปรายไม่เพียงพอและ พล.ต.ต.ปวีณ ยังไม่รู้สึกปลอดภัยพอที่จะเปิดเผยข้อมูลเบื้องลึกทั้งหมด จนกระทั่งเมื่อกลางปี 2564 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปวีณ ได้ติดต่อตนเพื่อแจ้งว่าพร้อมจะเปิดเผยข้อมูลอย่างหมดเปลือก ตนจึงได้ประสานยังพรรคก้าวไกล และวางตัว ส.ส.รังสิมันต์ โรม ผู้เคยอภิปรายประเด็น 'ตั๋วช้าง' ให้เป็นผู้อภิปรายกรณีนี้ 

ด้าน รังสิมันต์ ระบุว่า หลายๆ บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีค้ามนุษย์นี้ก็ล้วนเป็นกลุ่มเดียวกับผู้ที่มีบทบาทในกรณีตั๋วช้างทั้งสิ้น โดยหลังการอภิปรายมีหลายคนเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของตน แต่ตนมองว่า ไม่ว่าอย่างไรก็มีคนจำเป็นต้องทำเรื่องนี้ ไม่สามารถปล่อยให้ขบวนการค้ามนุษย์ และการกดดันจนคนดีไม่มีที่ยืนดำเนินต่อไปได้อีก อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่สนใจที่จะตอบคำถามของตน แม้ตนจะแจ้งเนื้อหาที่จะอภิปรายไว้ให้ฝั่งรัฐบาลเตรียมตัวล่วงหน้าแล้วก็ตาม หรือคำถามของตนอาจจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สบายใจ จนไม่แม้แต่จะอยู่ขอบคุณ ส.ส. หลังสภาปิดประชุม ตามธรรมเนียมปฏิบัติปกติ 


ขอยืนยันว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความจริง
ปวีณ-ค้ามนุษย์-ตั๋วช้าง

ขณะที่ พล.ต.ต.ปวีณ ซึ่งขณะนี้มีสถานะผู้ลี้ภัยอยู่ในประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ตนรู้สึกมีความสุขที่สุดในชีวิต นับตั้งแต่ตอนหลบหนีออกจากประเทศไทย จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 6 ปี 3 เดือน 3 วัน จากการปฏิบัติหน้าที่แล้วถูกกลั่นแกล้งได้รับความเป็นธรรม จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐบาล รวมทั้งผู้มีอำนาจ เรื่องราวทั้งหมดถูกเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาให้คนไทยและชาวโลกได้รับทราบ ด้วยการอภิปรายของ ส.ส.รังสิมันต์ ในสภาเมื่อวานนี้

ตนขอยืนยันว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความจริง แม้จะมีผู้กล่าวหาว่าเป็นแผนของตนที่จะมาใช้ชีวิตในต่างแดน แต่ชีวิตผู้ที่ป่วยของตนแต่มาด้วยความยากลำบาก ไม่รู้ภาษา ไม่มีทรัพย์สิน และต้องทำงานหาเลี้ยงชีพเอง 

"เวลานี้ผมรู้สึกได้รับความเป็นธรรมกลับมาครึ่งหนึ่งแล้ว แต่อีกครึ่งหนึ่งนั้นขาดหายไป ผมเสียดายว่าถ้าวันนั้นประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มีรัฐบาลที่ตรงไปตรงมา มีนายกรัฐมนตรีและผู้บริหารทุกระดับ ที่อยากให้ประเทศไทยใสสะอาดจริงๆ มีความซื่อสัตย์และมีความกล้าหาญให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างเที่ยงตรงอย่างนานาอารยประเทศ 

"ชีวิตราชการของผมที่ยังเหลืออยู่อีก 3 ปี ประกอบกับความรู้ความสามารถในการสืบสวนสอบสวนและประสบการณ์ของผม ผมมั่นใจว่าจะสืบสาวไปสู่ปลาตัวใหญ่ได้อย่างแน่นอน ส่วนจะใหญ่แค่ไหน ท่านทั้งหลายไปคิดกันเอาเอง หลังจากที่ฟังการอภิปรายเมื่อวาน" พล.ต.ต.ปวีณ กล่าว 

พล.ต.ต.ปวีณ ยังเผยว่า เวลาที่ผ่านมาประมาณ 6 ปี ผมได้เปิดเผยเรื่องราวต่อสื่อมวลชนหลายสำนัก แต่ไม่มีใครกล้าเอาไปรายงาน รู้สึกว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ จนกระทั่งวันพฤหัสที่ 7 ก.พ. 2563 ส.ส.ปกรณ์วุฒิ ได้นำเรื่องไปอภิปรายในสภา ตนมองว่าแค่นั้นก็ดีแล้ว เพราะอย่างน้อยเรื่องนี้ก็ไม่ตายไปพร้อมกับตน สาเหตุที่ตนต้องลี้ภัยเอาชีวิตรอดนั้น ใบสมัครที่ ส.ส.รังสิมันต์ นำมาแสดงต่อสภา คือคำตอบที่ชัดเจนแล้ว

 

เสรีภาพสื่อไทยอยู่ตรงไหน

ทั้งนี้ยังขอตั้งคำถามไปยังสื่อมวลชนไทยว่า มีสิทธิเสรีภาพมากพอที่จะนำเสนอเรื่องราวของตนทั้งหมดหรือไม่ รวมทั้งฝากถึงพี่น้องข้าราชการตำรวจ ที่ต้องประสบกับระบบที่เลวร้าย โดยเชื่อว่า ณ ปัจจุบันนี้ก็คงจะไม่แตกต่างจากเมื่อครั้งที่ตนทำงานอยู่ และอาจจะเลวร้ายกว่าด้วย ตนขอให้ทุกคนพึงตระหนักถึงหน้าที่ที่ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 

ปวีณ-ค้ามนุษย์-ตั๋วช้าง

"ประเทศชาติในที่นี้ ผมหมายถึงประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือผู้มีอำนาจใดคนหนึ่ง โดยยึดหลักของกฎหมายอย่างแท้จริง เหมือนกับผมที่เคยยึดถือปฏิบัติมาตลอดในการทำหน้าที่... สำคัญที่สุดคือต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อวิชาชีพ ต้องไม่กลั่นแกล้งบุคคลใดบุคคลหนึ่ง " พล.ต.ต.ปวีณ เน้นย้ำ

ปวีณ ค้ามนุุษย์ ก้าวไกล 43099291_8312594757885866296_n.jpg

ข่าวที่เกี่ยวข้อง