เมื่อเวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมประธานรัฐสภา ชั้น 3 อาคารรัฐสภา ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมร่วมกันระหว่างประธานรัฐสภากับผู้แทนวิปสามฝ่าย เพื่อหารือเกี่ยวกับการประชุมร่วมกันของรัฐสภาที่จะมีขึ้นในวันพุธที่ 17 มี.ค. 2564 และวันพฤหัสบดีที่ 18 มี.ค. 2564 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมี วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) สุทิน คลังแสง ประธานกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) มหรรณพ เดชวิทักษ์ ที่ปรึกษาคณะกมธ.วิสามัญกิจการวุฒิสภา พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา คณะทำงานประธานสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ ชวน หลีกภัย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังการประชุมร่วมกันเสร็จสิ้นว่า ได้มอบหมายให้คณะกรรมการประสานงาน เสนอความเห็นทางกฎหมายต่อประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ประชุมร่วมกันในช่วงบ่ายเพื่อพิจารณาการลงมติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 (เป็นการพิจารณาเพื่อลงมติในวาระที่สาม)
โดยจะดำเนินการหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ในการนี้ เมื่อคณะกรรมการประสานงานเสนอความเห็นทางกฎหมายฯ ได้ประชุมพิจารณาแล้วเสร็จจะนำผลการประชุมกราบเรียนประธานรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป
สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงผลการหารือวิปฝ่ายค้าน โดยมติที่ประชุมยืนยันจุดยืนพรรคฝ่ายค้านเดินหน้าร่วมลงมติวาระ 3 ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม แก้มาตรา 256 และเพิ่มหมวดตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้ (17 มี.ค.) พร้อมอ้างอิงว่าหากไม่ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 โดยสมบูรณ์อาจจะเป็นการดำเนินการที่บกพร่องตามกฏหมาย
พร้อมยอมรับว่ายังสับสนอยู่ว่าคำวินิจฉัยของศาลจะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่หากให้เลือกขอเลือกดำเนินการตามกระบวนการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ขณะเดียวกันในตอนนี้แต่ละฝ่ายยังตีความของกฎหมายไม่ตรงกัน โดยฝ่ายค้านกล่าวย้ำเข้าใจโดยสุจริตตามหลักวิชาการว่าสามารถเดินหน้ากระบวนการหมดวาระ 3 ได้ ซึ่งหมายถึงการทำประชามติก่อนการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลัง มี ส.ส.ร.แล้ว โดยไม่ใช่ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ซึ่งคาดการณ์แนวทางชี้ขาดของฝ่ายกฎหมายรัฐสภา กรณีการเดินหน้าโหวตวาระ 3 ร่างรัฐธรรมนูญ 2 ทางซึ่งหากมีมติว่าสามารถโหวตได้พรรคการเมืองฝ่ายค้านยืนยันจะทำหน้าที่ในการร่วมโหวตให้ความเห็นชอบร่างกฏหมาย หากรัฐสภาให้ความเห็นชอบก็ต้องดำเนินการตามมาตรา 256 ซึ่งมี 9 อนุมาตรา จากนั้นก็จะพิจารณาว่าจะทำประชามติอย่างไร ซึ่งจะต้องร่วมกันหาข้อสรุป เพราะมาตรา 256 (8) กำหนดไว้ว่าหากจัดทำร่างกฎหมายเสร็จต้องนำไปทำประชามติถามประชาชน
หากฝ่ายกฎหหมายเห็นว่าไม่สามารถที่จะเดินหน้าโหวตได้ ด้วยเพราะคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ คาดว่าอาจจะมีการเสนอถอนวาระนี้ออกในที่ประชุม ซึ่งเมื่อบรรจุระเบียบวาระไปแล้วหากจะถอนก็จะต้องเป็นมติของรัฐสภา ซึ่งหากเป็นแนวทางเช่นนี้วิปฝ่ายค้านจะถกแถลงแสดงท่าทีอย่างเต็มที่อีกครั้งหนึ่ง โดยจัดเตรียมบุคคลอภิปรายแสดงเหตุผลไว้แล้วทุกพรรคฝ่ายค้าน ก่อนจะกล่าวย้ำว่าจะลงมติไม่ถอนวาระการประชุม
และหากผลโหวตฝ่ายค้านแพ้ จากนั้นจะดำเนินการถามทุกฝ่ายรวมถึงประชาชนเพื่อให้คำตอบต่อสังคมว่าหากถอนวาระออกไปแล้วจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป จะเสนอญัติยกร่างใหม่หรือไม่และใครจะดำเนินการ และจะแก้รายมาตรา หรือจะเสนอให้แก้ทั้งฉบับ
ซึ่งหากจะต้องทำประชามติก่อนไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขแบบรายมาตราหรือการยกร่างฉบับใหม่นั้น รัฐสภาจะใช้อำนาจตามกฏหมายมาตราใด ซึ่งทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือหากศาลรัฐธรรมนูญจะกรุณาชี้แนะเพื่อเป็นประโยชน์ก็จะเป็นพระคุณ จะใช้มาตรา 256(8) หรือ มาตรา 166 ให้ ครม.ดำเนินการ ซึ่งหากไม่มีคำตอบที่ชัดเจนอาจตีความหมายได้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งแบบรายมาตราหรือการยกร่างใหม่ทั้งฉบับไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ถึงทางตัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :