ไม่พบผลการค้นหา
จากรายงานข่าวของสื่อรัฐบาลอิหร่านและซาอุดีอาระเบียระบุว่า อิหร่านและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตใหม่ และเปิดสถานทูตอีกครั้งภายในระยะเวลา 2 เดือน โดยข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการเจรจาที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน

Nour News ซึ่งเป็นสถานีข่าวที่มีความเกี่ยวข้องกับสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน โพสต์ภาพและวิดีโอที่อธิบายความว่าถูกถ่ายในการประชุม ณ ประเทศจีน ซึ่งในภาพปรากฏให้เห็น อาลี ชัมคานี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน กำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่จากทางการซาอุดีอาระเบียและเจ้าหน้าที่ของทางการจีน โดยสถานีโทรทัศน์ของอิหร่านระบุว่าเป็น หวังอี้ เจ้าหน้าที่การทูตอาวุโสสูงสุดของทางการจีน

“หลังจากปฏิบัติตามมติการตัดสินใจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ จะพบกันเพื่อเตรียมการแลกเปลี่ยนเอกอัครราชทูต” สถานีโทรทัศน์ทางการของอิหร่านระบุ ในขณะที่สำนักข่าวซาอุดีอาระเบียรายงานยืนยันการเกิดข้อตกลงดังกล่าว โดยมีการเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมจากซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน ซึ่งในเนื้อหากล่าวว่าทั้ง 2 ประเทศตกลงที่จะเคารพอธิปไตยของรัฐ และไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน

ถ้อยแถลงยังกล่าวด้วยว่ารัฐบาลในกรุงริยาดและกรุงเตหะราน ได้ตกลงที่จะนำข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงที่ลงนามกันไปก่อนหน้านี้เมื่อปี 2544 กลับมาบังคับใช้ใหม่ ทั้งนี้ ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองชาติคู่อริในภูมิภาคมีอยู่อย่างรุนแรงมาเป็นเวลานาน

ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียประกาศตัดความสัมพันธ์กับอิหร่านในปี 2559 หลังจากมีผู้ประท้วงบุกโจมตีอาคารที่ตั้งทางการทูตของซาอุดีอาระเบีย สืบเนื่องจากการที่ซาอุดีอาระเบียได้ประหารชีวิตนักการศาสนาชีอะห์คนสำคัญในวันก่อนหน้า จนกลายเป็นการจุดชนวนการประท้วง

อย่างไรก็ดี เมื่อเร็วๆ นี้มีความพยายามจากทั้งสองฝ่าย ในการกระชับความสัมพันธ์อันอบอุ่นยิ่งขึ้น “ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ของซาอุดีอาระเบียและอิหร่านในกรุงแบกแดด” อาลี ฮาเชม ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวอัลจาซีรารายงาน “ทางการอิรักเริ่มการเจรจาไกล่เกลี่ยในปี 2564 ทุกอย่างหยุดลงในระหว่างการเลือกตั้งอิรักเมื่อปี 2564”

“ไม่มีข่าวสารใดออกมาหลังจากการพูดคุย 5 รอบ การประชุมระดับความปลอดภัยเกิดขึ้นในโอมานด้วย สิ่งเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่สถานการณ์ในเยเมนเป็นหลัก” ฮาเชมระบุ ทั้งนี้ อิหร่านและซาอุดีอาระเบียเป็นชาติคู่อริระดับภูมิภาคกันในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นความขัดแย้งในประเทศต่างๆ เช่น เลบานอน ซีเรีย และเยเมน โดยความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นของทางการอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย ที่จะมีต่อกันในอนาคตอันใกล้นี้ จะส่งผลกระทบต่อการเมืองไปทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลาง

“สถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาค เช่น ในเยเมนและเลบานอน แย่ลงและได้รับผลกระทบเมื่อทั้ง 2 ประเทศมีความแตกต่างกัน” ฮาเชมกล่าว “ด้วยข้อตกลงนี้ เป็นไปได้ที่เราอาจเริ่มเห็นการประนีประนอมในประเทศเหล่านี้ ข้อตกลงนี้สามารถนำไปสู่การสร้างสถานการณ์ด้านความปลอดภัยที่ดีขึ้นในภูมิภาค พวกเขามีอำนาจมากในประเทศเหล่านี้”


ที่มา:

https://www.aljazeera.com/news/2023/3/10/iran-and-saudi-agree-to-restore-relations?fbclid=IwAR2MjRM5VSz40fvxMbt7HzpEJsipYS8ZBZHk57zHmC1aR_PNEoBXdTQdy9k