ไม่พบผลการค้นหา
‘ก้าวไกล’ ซัดงบศาลตั้งโครงการอ้างเที่ยวต่างประเทศ-ซื้อรถเบนซ์ ด้าน ‘สรวุฒิ‘ แจงซื้อถูกกว่าเช่า ด้าน ’อดิศร’ หวังศาลคืนเงินประกันตัวหลังคดีสิ้นสุด ‘จุลพันธ์‘ รับลูกเห็นด้วย แต่ต้องใช้วิธีอื่นในการดำเนินการ

วันที่ 22 มี.ค. ที่อาคารรัฐสภา ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วาระ 2 และ 3 โดย ม.31 เป็นส่วนงบประมาณหน่วยงานของศาล ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างมากมีมติปรับลดจำนวน 36 ล้านบาท

จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้แปรญัตติสงวนความเห็น ขอปรับลด 10% อภิปรายว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีโครงการส่งคนไปเรียนตามหลักสูตรต่างๆ เช่น หลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ซึ่งหน่วยงานเหล่านั้นก็ผลัดกันส่งคนมาเรียนที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมองว่า เป็นการผลัดกันเกาหลัง นอกจากนี้ ยังมีงบเสริมสร้างบุคลากร แต่ก็ใช้งบประมาณไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน จึงทำให้มองว่า เหตุใดถึงสร้างองค์ความรู้กันที่สำนักงานตัวเองไม่ได้

จิรัฏฐ์ กล่าวว่า โครงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญต่อประชาชนนั้น จุดประสงค์คือ สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับอำนาจ และหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ 620,000 บาท ซึ่งเราสามารถดาวน์โหลดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาอ่านได้ ถ้าอยากรู้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่อะไร 

จิรัฏฐ์ กล่าวต่อว่า ควรปรับลดงบบุคลากรที่เพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงงบที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญของบรถประจำตำแหน่งมา เนื่องจากใช้งานมาแล้ว 6 ปี ตอนนี้จะครบ 6 ปีแล้ว เลยต้องรีบขอรถเบนซ์ S350d ซึ่งมองว่า ไม่จำเป็น เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า งบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีกว่า 57 ล้านต่อปี และยังไม่นับค่าประชุม เบี้ยรับรอง แต่ปีที่แล้วทำงานกันแค่ 24 คดี ถ้าย้อนกลับไปเฉลี่ยแค่ 16 คดีต่อปี 

ขณะที่ สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า เราคาดหวังความเป็นธรรมกับผู้อื่น เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้อื่นเช่นเดียวกัน เรื่องรถ เรื่องบ้าน เราได้พูดกันในที่ประชุมตลอดเวลา และการเช่าเป็นวิธีหนึ่งที่หน่วยงานส่วนใหญ่เลือกใช้ แต่หากพิจารณาแล้ว การเลือกที่จะซื้อทำให้ประหยัดงบประมาณมากกว่า 

สรวุฒิ ยืนยันว่า ค่าซ่อมบำรุงเป็นไปตามหลักการ ข้าราชการตุลาการ เพราะใช้ชีวิตแบบอิสระกับคนอื่นไม่ได้ บางทีถ้าคุณไม่เข้าใจวิธีการก็ไปโจมตีเขาแบบผิดๆ ถ้าไม่ให้ เขาสันโดษ ความอิสระก็ไม่มี ต้องเกรงอกเกรงใจไปทั่ว พร้อมถามกลับว่า หากไม่ให้มีผู้ช่วย สส. บ้าง จะดูแลประชาชนอย่างไร ถ้าจะแก้ขอให้แก้หลักใหญ่ อย่าไปโจมตีจุดเล็กจะได้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ด้าน อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ขอใช้สิทธิสมาชิก และในฐานะทนายความเก่า ทวงถามเงินวางศาล เงินประกันตัว ตามข้อหาต่างๆ ที่คนโดน ซึ่งเป็นจำนวนหลักแสน ตอนติดใจว่า เมื่อคดีเสร็จสิ้นแล้วได้คืนเงินประกันเหล่านี้หรือไม่ ซึ่งตามความเป็นจริงคืนแค่เงินต้น แต่ดอกเบี้ยไม่ได้คืนด้วย จึงขอสอบถามไปยัง กมธ. ที่ไปทำหน้าที่แทน สส. เหตุใดทำไมไม่คืนเงินให้กับจำเลย 

“ผมยังติดใจเรื่องดอกเบี้ย อยากให้เพิ่มเป็นข้อสังเกต ดอกเบี้ยเงินของใครคืนให้คนนั้น ศาลไม่ต้องไปยุ่ง เดี๋ยวจะเป็นขี้ปาก มีความผิดฐานลักทรัพย์รับของโจร ขอให้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอย่าเอาเงินของคู่ความไปใช้ มันไม่สมศักดิ์ศรี ทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราว เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้งบประมาณปีหน้า และจะทำให้ตนมีความสุขที่สุดตลอดชีวิต” อดิศร กล่าว 

ขณะที่ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะ กมธ. เสียงข้างมาก กล่าวแสดงความเห็นด้วยกับ อดิศร แต่ทั้งนี้ต้องขอให้ใช้กลไกอื่นในการดำเนินการ เรื่องงบประมาณเดินหน้ามาถึงจุดนี้แล้วขอให้ลงมติเห็นชอบกับ กมธ.เสียงข้างมาก ก่อนที่ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตาม กมธ.เสียงข้างมาก