ไม่พบผลการค้นหา
ประธานฝ่ายกฎหมาย พท. ชี้ปม ส.ส.ถือหุ้นสื่อ ต้องตีความให้ชัดก่อน มองแค่ระบุวัตถุประสงค์ไม่น่าเข้าข่ายประกอบกิจการสื่อมวลชนได้ หากยึดบรรทัดฐานศาลฎีกาต้องชี้ว่าเข้าข่าย ย้ำหากรับคำร้องต้องสั่ง ส.ส.หยุดปฏิบัติหน้าที่

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการยื่นร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ส.ส.ถือครองหุ้นสื่อ ว่า ประเด็นแรกต้องตีความให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากกฎหมายเขียนว่า เป็นเจ้าของ หรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชน ความหมายของคำนี้หมายความว่าอย่างไร จากการตรวจสอบแล้วมีหลายวัตถุประสงค์ หลายบริษัท และหลายคนที่มีการร้องเรียนไปเขียนว่าประกอบกิจการโฆษณา วิทยุ โทรทัศน์ คำถามคือถ้าเขียนอย่างนี้ถือว่าเป็นการประกอบกิจการสื่อมวลชนหรือไม่ โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่ เพราะบางคนค้าขายสิ่งพิมพ์ ซึ่งก็ไม่ใช่คนทำสื่อ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตีความคำเหล่านี้ให้ชัดเจนก่อนว่าหมายความอย่างไร 

ประเด็นต่อมาคือ หากตีความว่าใช่ แล้วท้ายที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญจะยึดบรรทัดฐานแบบศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งหรือไม่ เพราะศาลฎีกา ระบุว่า แม้ไม่ได้ประกอบกิจการเขียนไว้ในวัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น ไม่ได้ประกอบกิจการก็ต้องห้าม ปัญหาคือท้ายที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องยึดถือตามที่ศาลฎีกา เคยพิพากษาอดีตผู้สมัคร ส.ส.ที่จังหวัดสกลนครหรือไม่ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นดุลพินิจของศาลว่าจะเอาอย่างไร 

ประเด็นสุดท้าย หากศาลเห็นว่าเข้าข่ายแล้ว จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งดูจากรัฐธรรมนูญ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พิจารณาแล้วตีความได้ว่า ถ้ารับมาพิจารณา ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

นาชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยได้ตรวจดูแล้วหลายครั้งหลายหน เป็นบริษัทร้าง ไม่ได้ประกอบกิจการ หรือเลิกกิจการมาแล้ว หรือเป็นการเขียนวัตถุประสงค์ไว้กว้างๆ ซึ่งไม่อาจจะตีความได้ว่าเป็นเจ้าของ หรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชน เพราะการเขียนวัตุประสงค์ไม่ได้หมายความว่าจะประกอบกิจการสื่อ ซึ่งพรรคก็ไม่ได้วิตกกังวลที่มีส.ส.ถูกร้องให้ตรวจสอบ