นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ว่า คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักกับการที่ยังคงใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป โดยอ้างการระบาดซ้ำที่จะเพิ่มขึ้นหากมีการผ่อนปรน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าปัจจุบันไม่เหลือเหตุผลที่จะต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกแล้ว และการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ไป ต้องหันไปสู่ทิศทางของการเยียวยาและพื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 และมาตรการของรัฐมากขึ้นเรื่อย ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์ฉุกเฉินยืดยาวออกไปเท่าใด การฟื้นตัวกลับมาก็จะยากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
แม้จะมีการลดเวลาเคอร์ฟิว ตั้งแต่ 23.00-04.00 น.และเปิดให้ห้างร้านบางประเภทกลับมาค้าขายได้มากขึ้น แต่ก็ยังมีกิจการอีกเป็นจำนวนมาก เช่น สถานบันเทิง สถานที่ออกกำลังกายบางประเภท สถานเสริมความงามบางประเภท ร้านนวดแผนไทย โรงภาพยนตร์ สถาบันกวดวิชา ยังมีคนทำงานอีกนับล้านคนที่ยังขาดรายได้ต่อไป รวมถึงคนที่ยังต้องตามเรียกร้องสิทธิได้รับการเยียวยาอย่างไม่รู้จุดจบ และหากว่าสถานที่อย่างห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกค้าส่ง และตลาดต่างๆ สามารถผ่อนปรนให้เปิดบริการได้ ก็น่าจะเป็นตัวบ่งชี้แล้วว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น และควรพิจารณาใช้เครื่องมือทางกฎหมายอื่น ในการควบคุมโรคแทน แม้การระบาดระลอกใหม่อาจเกิดขึ้น แต่ด้วยศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทย และการเตรียมความพร้อมมาเกือบ 2 เดือน ก็ย่อมสามารถรับมือต่อสถานการณ์ที่จะเข้ามาในอนาคตได้เช่นกัน
"ขอให้รัฐบาลทบทวนอีกครั้งถึงการยกเลิกการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยยกเลิกให้ได้ก่อนการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ (22 พ.ค.) เพราะจะต้องมีการพิจารณาร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายฯ ที่จะเป็นกฎหมายสำคัญในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งสมควรที่จะต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุด โดยไม่ถูกขัดขวางจากการเคอร์ฟิวหรือมาตรการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใดๆ ทั้งสิ้น"
อ่านเพิ่มเติม