นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณี นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ (พธม.) ออกมาระบุว่า หากกฎหมายลูกไม่ผ่านในชั้นศาลรัฐธรรมนูญอาจต้องออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกระเบียบเพื่อจัดการเลือกตั้งนั้น พรรค พท.รับได้หรือไม่ ว่า ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่ากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับไม่มีบทบัญญัติใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามคำชี้แจงของ กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นพ.ชลน่านกล่าวด้วยว่า แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้กฎหมายลูกตก ต้องแบ่งออกเป็นสองช่วง หากสภาฯอยู่จนครบวาระ ระยะเวลาที่เหลือประมาณ 6 เดือน หากเร่งนำกฎหมายลูกเข้าสู่รัฐสภาแล้วปรับแก้ให้สอดคล้องกับที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็น่าจะทันการเลือกตั้งแต่หากเป็นกรณีมีการยุบสภาฯ ช่วงนี้แล้วทำกฎหมายลูกไม่ทัน การออกเป็นระเบียบ กกต.ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะ กกต.ไม่มีกฎหมายรองรับการออกระเบียบเช่นนี้ กฎหมายว่าด้วย กกต.ให้ กกต.ออกระเบียบในหน้าที่และอำนาจของ กกต. แต่การเลือกตั้งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดต้องออกเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งเท่านั้น และหากจะไปออกเป็น พ.ร.ก.จากฝ่ายบริหาร เรื่องนี้ก็มีข้อจำกัด เนื่องจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมีศักดิ์ต่างจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทั่วไป แต่ พ.ร.ก.ใช้แทน พ.ร.บ. กรณีมีเหตุเร่งด่วนเท่านั้น อีกทั้งการออก พ.ร.บ.ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ เมื่อยุบสภาฯ แล้วจึงไม่สามารถออกเป็น พ.ร.ก.ได้
“ผมเห็นมีนักวิชาการบางคนเสนอว่าถ้าถึงทางตันจริงอาจไปใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 5 ที่ระบุเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทําการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้น ไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งผมมองว่าการหาทางออกให้ประเทศวิธีนั้นก็เป็นทางเลือกหนึ่ง เพียงแต่ขอให้กติกาที่ออกมาต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” นพ.ชลน่านกล่าว