ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยอมรับ ราคาที่ดินกรุงเทพมหานครสูงเกินจริง ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการ ไม่ซื้อที่ดินเพื่อเก็บสะสมอีกต่อไป แต่จะซื้อแล้วพัฒนาโครงการทันที
นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินในปีนี้ (58) ยังซื้อขายต่อเนื่องทั้งแปลงเล็กและใหญ่ แต่ไม่คึกคักเท่าปีก่อน เพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวและลดการเปิดโครงการใหม่ด้วย ขณะที่ราคาซื้อขายที่ดินยังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น โดยบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซื้อที่ดินย่านชิดลม ตารางวาละกว่า 1,900,000 บาท สูงที่สุดในประเทศ และล่าสุดกลุ่มวิทยากร เจ้าของโรงพยาบาลกรุงเทพ ซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ 30 ไร่ของกลุ่มปัญจทรัพย์ มูลค่ากว่า 9 พันล้านบาท
โดยยอมรับว่า ราคาที่ดินปัจจุบัน โดยเฉพาะใจกลางเมืองราคาปรับสูงขึ้นเกินความเป็นจริง ส่งผลต่อต้นทุนคอนโดมิเนียม ก่อนหน้านี้ต้นทุนที่ดินจะมีสัดส่วน 15% ของต้นทุนก่อสร้างทั้งหมด ปัจจุบันสูงกว่า 35-40% ทำให้ราคาขายคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองราคาขายเฉลี่ยกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร มีแนวโน้มถึง 4-5 แสนบาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นราคาที่สูงเกินกว่าผู้บริโภคคนไทยจะซื้อได้ อาจต้องพึ่งพาตลาดต่างชาติ ซึ่งช่วงที่เหลือของปี อาจเห็นการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินหลายแปลง
ส่วนบริษัทเซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) มีเป้าหมายขายที่ดินในปีนี้ที่ 8,000 ล้านบาท ซึ่ง 9 เดือนแรกของปี มียอดขายแล้ว 7,000 ล้านบาท และมี 1 แปลง อยู่ระหว่างการเจรจา มูลค่าประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท โดยราคาประมาณ 1,950,000 บาทต่อตารางวา สูงกว่าราคาที่บริษัท เอสซีแอสเสทซื้อเล็กน้อย
ส่วนปี 2559 การซื้อขายที่ดินน่าจะชะลอ เนื่องจากมีที่ดินจำกัดและราคาปรับสูงมาก ซึ่งราคาที่ดินที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการจะไม่ซื้อสะสม แต่ซื้อแล้วพัฒนาโครงการเลย
ขณะที่ราคาประเมินที่ดินใหม่ ที่จะประกาศใช้ ปี 2559-2562 ไม่ได้มีผลต่อราคาและการซื้อขายที่ดินใจกลางเมือง นอกใจกลางเมือง และที่ดินรอบนอก เพราะราคาปรับขึ้นมากกว่าราคาประเมินแล้ว