รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ออกกฎการอนุมัติวีซาใหม่สำหรับพลเมือง 6 ชาติมุสลิม หลังจากศาลสูงสุดอนุญาตให้รัฐบาลใช้นโยบายแบนมุสลิมได้อีกครั้งเป็นการชั่วคราว โดยกฎเกณฑ์ใหม่มีผลบังคับใช้ทันทีในวันนี้ (30 มิถุนายน)
หลังจากเผชิญกับการต่อต้านอย่างหนักและกระบวนการฟ้องร้องทางกฎหมายหลายครั้ง รัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้รับอนุญาตจากศาลสูงสุด ให้กลับมาใช้นโยบายแบนพลเมือง 6ชาติมุสลิม ได้แก่อิหร่าน ซีเรีย เยเมน ลิเบีย โซมาเลีย และซูดาน ไม่ให้เข้าสหรัฐฯได้อีกครั้งเป็นการชั่��คราว ก่อนการพิจารณาคดีโดยศาลสูงสุดในเดือนตุลาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดรัฐบาลนายทรัมป์ได้พยายามลดแรงกดดันจากสังคมที่ยังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างหนัก และลดความเสี่ยงที่จะถูกศาลตัดสินว่านโยบายนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ว่าด้วยการไม่เลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติและศาสนา ด้วยการออกกฎเกณฑ์ใหม่ ไม่ห้ามพลเมืองจาก 6 ชาติมุสลิมข้างต้นเข้าประเทศอย่างไม่มีข้อแม้ แต่กำหนดว่าผู้ที่มีญาติใกล้ชิดอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ หรือมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับสหรัฐฯ รวมถึงศึกษาอยู่ในสหรัฐฯสามารถเข้าประเทศได้
ผู้ที่ได้รับวีซาสหรัฐฯแล้ว ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากกฎการอนุมัติวีซาใหม่นี้ เช่นเดียวกับพลเมืองที่ถือสองสัญชาติ ก็จะได้รับการยกเว้นจากกฎดังกล่าวเช่นกัน หากไม่ได้เดินทางมาจาก 6 ประเทศที่อยู่ในบัญชีต้องห้าม
สำหรับคำว่า "ญาติใกล้ชิด" มีการให้คำจำกัดความไว้อย่างชัดเจนว่าหมายถึงความสัมพันธ์แบบเป็นทางการที่มีเอกสารรองรับเท่านั้น และนับเฉพาะพ่อแม่ พี่น้อง ลูก คู่สมรส ลูกเขยหรือสะใภ้ ไม่รวมปู่ย่า ตายาย หลาน หรือลุง ป้า น้า อา เพื่อป้องกันการอ้างเป็นญาติเพื่อขอวีซา
กฎเกณฑ์ใหม่นี้จะบังคับใช้เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งก็หมายความว่าจะใช้ได้ถึงสิ้นเดือนกันยายน เท่ากับว่าจะมีช่วงเวลาสุญญากาศระหว่างต้นเดือนตุลาคมถึงวันที่ศาลสูงสุดจะตัดสินคดีนี้ ทำให้เป็นไปได้ว่าอาจมีกฎเกณฑ์ใหม่ออกมาอีกก่อนที่จะถึงวันที่ศาลพิจารณาคดี
คำสั่งแบนพลเมือง 6 ชาติมุสลิมไม่ให้เข้าสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในนโยบายแรกที่นายทรัมป์ดำเนินการนับจากขึ้นเป็นประธานาธิบดี และก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงที่สุดด้วย เนื่องจากในตอนแรกที่มีคำสั่งออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คนจำนวนมากได้รับผลกระทบ เพราะมีการบังคับใช้ทันที ทำให้มีผู้ติดค้างในสนามบินจำนวนมาก นอกจากนี้ นักธุรกิจ นักศึกษา และนักวิชาการจำนวนมากยังไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯได้ เพราะติดคำสั่งแบนดังกล่าว ทำให้เกิดการฟ้องร้องต่อเนื่อง และรัฐบาลต้องปรับปรุงกฎเกณฑ์วีซาหลายครั้งให้รัดกุมและไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ