สื่อต่างชาติรายงานว่า ไทยเรียกดูเงินสด 20,000 บาทจากนักท่องเที่ยว เพื่อแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวเข้ามาเรี่ยไรเงินเพื่อท่องเที่ยว
สำนักข่าวดิ อินดิเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยเรียกดูเงินสดจำนวน 20,000 บาทก่อน จึงจะสามารถเข้าประเทศได้ โดยมีรายงานว่า มีชาวอังกฤษถูกเรียกดูเงินสด 20,000 บาทที่สนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา และมีอีกกรณีเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ด่านปาดัง เบซาร์
มีการสันนิษฐานว่า มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเรี่ยไรเงินบริจาค เพื่อใช้จ่ายท่องเที่ยวทั่วเอเชีย หรือที่เรียกว่า "Begpacker" รวมถึงปิดกั้นการเข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายด้วย แต่กระทรวงต่างประเทศของไทยก็ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลการเรียกดูเงินสดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม มาตรการเรียกดูเงินสดอย่างน้อย 20,000 บาทเป็นหนึ่งในคุณสมบัติในการยื่นวีซาเข้าประเทศไทยตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 อยู่แล้ว รวมถึงการถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางที่ถูกต้องสมบูรณ์ มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน เป็นต้น แต่ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยเรียกดูเงินสดอย่างเข้มงวดนัก
ด้านเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่ประสงค์ระบุนามนายหนึ่ง ชี้แจงกับวอยซ์ทีวีว่าการปฏิบัติดังกล่าว เป็นไปตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และปฏิบัติต่อเนื่องกันมาหลายสิบปีแล้ว ไม่ได้เริ่มปฏิบัติในช่วงนี้ โดยจะสุ่มตรวจนักท่องเที่ยวที่มีลักษณะน่าสงสัย เช่น ลักษณะท่าทางไม่น่าเชื่อถือ โดยเจ้าหน้าที่จะขอเรียกดูเป็นเงินสด หรือตั๋วแลกเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติอย่างรัดกุม ให้นักท่องเที่ยวแสดงหลักฐานทางการเงินเท่านั้น และไม่สัมผัสกับตัวนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด
กรณีนักท่องเที่ยวไม่มีเงินสดติดตัว เจ้าหน้าที่จะพิจารณาจากปัจจัยอื่น เช่น สัมภาระหรือสิ่งของติดตัว โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเรื่องเงินเป็นเพียงปัจจัยประกอบในการพิจารณา ไม่ได้เป็นปัจจัยหลัก
เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองย้ำว่า การปฏิบัติดังกล่าวเป็นหลักปฏิบัติสากล เพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทำงานหรืออยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย โดยระบุว่า หากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตาม จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 57 ว่าด้วยการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต