“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ไขรหัสโค่นผู้นำประชานิยม แม้รัฐประหารไม่อาจแก้ปัญหาการ แต่ก็หยุดยั้งทำให้ไทยไม่ต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของทักษิณที่จะสร้างความเสียหายต่อประชาธิปไตยอย่างมาก
Harvard Law School ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และศูนย์จอร์จ เจสติกเลอร์ เซ็นเตอร์ (Stigler Center) ได้จัดเวทีเสวนาเรื่องปัญหาการรับมือกับผู้นำแนวประชานิยมที่สหรัฐเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมาโดยตั้งประเด็นการดูดซับบทเรียนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยกับการเมืองที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรอยู่ในอำนาจเพื่อดูหนทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในที่อื่นๆเช่นในสหรัฐฯที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ถูกมองว่าเป็นประชานิยมและถูกต่อต้านมากขึ้นทุกขณะ ในเวทีนี้มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายดันแคน แมคคาร์โก นักวิชาการที่เขียนหนังสือเรื่องการเมืองไทยจากมหาวิทยาลัยลีดส์เป็นผู้ร่วมเสวนา
เมื่ออภิสิทธิ์กล่าวถึงหนทางในการจัดการกับนักการเมืองที่ถือเป็นผู้นำแบบประชานิยม เขายอมรับว่าได้มีความพยายามหลายวิธีในอันที่จะจัดการกับทักษิณ แต่ผลที่สุดไม่มีอะไรที่ได้ผลแม้แต่วิธีรัฐประหาร เขาชี้ว่าวิธีการของอดีตนายกรัฐมนตรีคือสร้างวาทกรรมว่ามีคนที่อยู่เหนือกว่าพยายามจะทำลายเขา ซึ่งผู้สนับสนุนเชื่อเช่นนั้นด้วย ความพยายามในอันที่จะจัดการกับทักษิณหรือรัฐบาลที่เป็นตัวแทนยิ่งทำให้พวกเขาได้คะแนนสงสารมากยิ่งขึ้น และอภิสิทธิ์ระบุว่าในที่สุดเขายอมรับว่า หนทางที่จะจัดการกับนักการเมืองในระบบนี้คือการเชื่อมโยงกับประชาชนให้ได้ และแสดงให้เห็นว่านักการเมืองอื่นสนใจปัญหาประชาชนด้วย
อีกด้านแมคคารโก้ชี้ว่า วิธีการของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่วิธีที่จะทำให้เข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น การปฏิเสธไม่ยอมเข้าร่วมการเลือกตั้งที่รู้ว่าตัวเองจะไม่ชนะ หรือสนับสนุนให้ศาลประกาศให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ฯลฯ รวมทั้งปฏิเสธตลอดเวลาว่าสิ่งที่ประชาชนเห็นว่าได้ประโยชน์นั้นไม่ถูกต้อง สวนทางกับความคิดเห็นของประชาชนอีกเป็นจำนวนมาก เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่วิธีที่จะทำให้พรรคเชื่อมโยงกับประชาชนได้ดีขึ้นดังที่ต้องการ และแม้ว่าจะมองว่าสิ่งที่ทักษิณและกลุ่มผู้สนับสนุนนำเสนอเป็นเพียงวาทกรรมที่สร้างขึ้น แต่สำหรับประชาชนที่สนับสนุนทักษิณ พวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่ากับทักษิณและพรรคการเมืองของเขาจนมองว่านั่นคือหลักฐานที่ชัดเจน การเปลี่ยนความรู้สึกของประชาชนจึงเป็นเรื่องยาก สิ่งที่คนในเมืองพูดก็ไม่สัมพันธ์กับสิ่งที่คนในชนบทคิด จึงกลายเป็นช่องว่างที่ใหญ่มาก
อภิสิทธิ์กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของพรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์ก็คือผู้คนไม่สนใจพรรคการเมืองที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือกระบวนการและวิธีการที่จะให้ได้มาซึ่งสิ่งต่างๆ ขอเพียงพรรคการเมืองมอบสิ่งที่สัญญาไว้ได้ แม้วิธีการผิดพลาดพวกเขาก็ยอมรับ ส่วนแมคคาร์โกมองว่าการต่อสู้กับประชานิยมต้องทำด้วยการนำเสนออะไรที่ก้าวหน้ากว่า แต่นักการเมืองต้องเข้าถึงผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งให้ได้
อภิสิทธิ์ยืนยันว่า แม้รัฐประหารไม่อาจแก้ปัญหาการได้มาซึ่งผู้นำทางการเมืองในระบบประชานิยมได้ แต่ก็หยุดยั้งทำให้ไทยไม่ต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของทักษิณที่จะสร้างความเสียหายต่อประชาธิปไตยอย่างมาก แต่ในช่วงหนึ่งของการตอบคำถาม เมื่อมีผู้ถามว่าในเมืองไทยสถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ไหมหากไม่มีรัฐประหาร แมคคาร์โกตอบว่า เขามองไม่ออกว่าสถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่เวลานี้ได้อย่างไร