เปิดหน้านักการเมืองรุ่นใหม่ทุกพรรค ทั้งพรรคอนาคตใหม่, ชาติไทยพัฒนา, พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ ชวนสังคมไทยก้าวพ้นยุคไดโนเสาร์
ในงานเสวนา Move Over Dinosaurs ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อค่ำวานนี้ (4 เม.ย.61) นักการเมืองรุ่นใหม่ร่วมแบ่งปันแนวคิดเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย และการปรับปรุงการศึกษา ซึ่งผู้เข้าร่วมเสวนามีทั้ง
- นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่
- นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา
- นายปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.จังหวัดขอนแก่นพรรคเพื่อไทย
- นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์
นายธนาธร กล่าวในตอนหนึ่งว่า 'การทำตามความฝันควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่กลับไม่ใช่ในประเทศไทย' ซึ่งเขาเน้นย้ำว่า สิทธิขั้นพื้นฐาน คือ ประชาชนต้องสามารถกำหนดอนาคตตนเองได้ ก่อนจะไปพูดถึงประเด็นอื่นๆ เช่น ปัญหาปากท้อง และการศึกษา ด้านผู้ร่วมเสวนาคนอื่นก็ดูเน้นย้ำประเด็น ด้านคนรุ่นใหม่และการศึกษาในยุคหลังจากนี้เป็นพิเศษ
ด้านนายปรีชาพล ได้เผยข้อเรียกร้องเช่น ปฏิรูปการศึกษาให้ขึ้นกับส่วนจังหวัดมากขึ้น , เพิ่มจำนวนโรงเรียนสองภาษา , ผนวกการใช้เทคโนโลยีเข้ากับการศึกษา และปรับเกณฑ์วัดผลการเป็นครู และเพิ่มแรงจูงใจให้คนอยากเป็นครูมากขึ้น เป็นต้น
สำหรับ นายพริษฐ์ เสนอว่า การศึกษาควรเน้นพัฒนาในสิ่งที่นักเรียนแต่ละคนต้องการมากยิ่งขึ้น คือออกแบบมาให้เฉพาะตัว และเหมาะต่อจุดเด่นของแต่ละคนที่สุด และควรผนวกเทคโนโลยีเข้ามาทุ่นแรงให้มาก รวมถึงสนับสนุนให้เด็กกล้าคิดกล้าถาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในระบบการศึกษาไทย
ด้านนายวราวุธ บอกชัดเจนว่า ขณะนี้ชาติไทยพัฒนากำลังอยู่ในช่วง 'รีแบรนด์' และในการเลือกตั้งครั้งต่อไปทางพรรคก็จะเสนอชื่อนักการเมืองหน้าใหม่เข้าสู่ 'สภา' โดยที่ยังจะคงให้คนรุ่นเก่าเป็นที่ปรึกษาต่อไป
สำหรับไฮไลต์ส่วนหนึ่งในงานเสวนา คือ ช่วงที่คอมเมนเตเตอร์ 'โจนาธาน เฮด' กล่าวแซว นายวราวุธว่า 'ชาติไทยพัฒนาดูจะเป็นพรรคที่เข้าได้กับทุกฝ่าย หลายคนน่าจะมองว่าเป้าหมายของพรรคไม่ชัดเจน' ซึ่งหลังจากนั้นนายพริษฐ์ก็ได้กล่าวแซวบ้างว่า 'สำหรับผม ชาติไทยพัฒนามีเป้าหมายชัดเจนมากนะครับ คือ ยังไงก็จะอยู่ในรัฐบาลให้ได้' ก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษวราวุธ และบอกว่าเป็นมุกตลกเท่านั้น
ในช่วงตอบคำถามสื่อต่างชาติ สิ่งหนึ่งที่ นายพริษฐ์กล่าวอย่างจริงจังในฐานะ 'ประชาธิปัตย์รุ่นใหม่' คือ 'ผมจะไม่ยอมรับนายกฯ คนนอก และจะสู้อย่างถึงที่สุดให้สมาชิกพรรคไม่รับด้วย' ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่ลงรอยกับชาติไทยพัฒนา ที่จะรอดูบรรยากาศการเมืองช่วงเลือกตั้งอีกครั้ง ก่อนจะประกาศสนับสนุนนายกฯ คนนอก หรือคนใน
ด้าน ร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.จังหวัดขอนแก่นพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสิ่งที่ประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจโลกอย่างน้อย 3 ด้านคือ เรื่องการปฏิรูปการศึกษา เศรษฐกิจชุมชน และการเมือง เนื่องจากเทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรมการผลิตเปลี่ยนไปมาก มีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล้วนมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกทั้งสิ้น
วันนี้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการพัฒนาและปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงมาเกือบ 4 ปีแล้ว โดยเห็นได้จากตัวเลขการส่งออกของไทยเสมือนอยู่ในภาวะพระอาทิตย์ก่อนกำลังจะตกดิน หากไม่เร่งสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศ เศรษฐกิจไทยจะมีปัญหาในอนาคตอย่างแน่นอน การจะเดินหน้าปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ต้องให้คนรุ่นใหม่ได้มีบทบาทมากขึ้นและผสานประสบการณ์ของคนรุ่นเก่าเข้าด้วยกัน
ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การศึกษาเป็นพื้นฐานของการสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งไทยควรเริ่มจากการกระจายอำนาจบริหารการศึกษาสู่ท้องถิ่น ปฏิรูปให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วยการเพิ่มโรงเรียนสองภาษา และใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนให้มากขึ้น ศึกษาศาสตร์การเรียนรู้แนวใหม่ เพราะถ้าหากไม่โอบกอดเทคโนโลยี ก็อาจจะล้าหลังได้ที่สำคัญต้องวางการศึกษาให้สอดคล้องกับความสามารถของเด็กด้วย
ขณะที่เศรษฐกิจชุมชน จำเป็นต้องเร่งยกระดับสินค้าท้องถิ่น ด้วยการเปลี่ยนสินค้าที่มีรูปการผลิตแบบเดิม เป็นสินค้าโอทอปแบบดิจิตัล มีกระบวนการผลิตที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ สินค้าโอทอปยุคใหม่จะต้องเป็นสินค้าฝีมือคนไทย มีสำเนียงไทย แต่มีดีไซน์แบบนานาชาติเพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในตลาดโลก และสามารถเข้าสู่ตลาดดิจิตัลได้ง่ายขึ้น
ส่วนในด้านการเมืองนั้น ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า 'การเมืองไทยต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีความเป็นชาตินิยม แต่ไม่ 'คลั่งชาติ' เป็นคนรุ่นใหม่ที่ให้คุณค่ากับผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก มากกว่าผลประโยชน์ทางการเมือง' ต้องหยุดไล่ล่าคนเห็นต่าง สร้างวัฒนธรรมที่เคารพกติกา และปฏิรูปกระบวนการทางกฎหมาย และหลักนิติธรรม ให้ทุกคนมีความเสมอภาค