นักการเมืองรุ่นเก่า ปะทะ นักการเมืองรุ่นใหม่ หาอนาคตประเทศไทยไปทางไหน ลั่นประเทศไทยต้องไม่มีรัฐประหาร และเดินไปข้างหน้าได้ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2561 ที่บิ๊กซีราชดำริ มีการจัดเสวนาภายใต้หัวข้อ อนาคตประเทศไทยไปทางไหน โดยมี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร่วมเสวนาด้วย 

นายธนาธร จึงรุ่งเรื่องกิจ ผู้ร่วมการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันจุดยืนพรรคอนาคตใหม่ ไม่เพรียกหาเพื่อให้ทหารออกมารัฐประหารอย่างแน่นอน และขอให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา อย่าเชื่อว่า อำนาจพิเศษจากการรัฐประหารจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ส่วนตัวเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหามาก เพราะมาจากรัฐประหาร ไม่ยึดโยงกับประชาชน ไม่เป็นประชาธิปไตย และเชื่อว่าไม่ว่าพรรคการเมืองไหนที่ชนะเลือกตั้งต้องเจอทางตันเพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดังนั้น ทางออกคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย

สำหรับสาเหตุการตัดสินใจเล่นการเมือง เพราะมองไม่เห็นว่า จะมีพรรคการเมืองจะเป็นตัวแทนได้ในฐานะประชาชน การตัดสินใจครั้งนี้ ตัวเขามีความพร้อมแล้ว โดยพร้อมที่จะติดคุก และพร้อมที่จะตาย เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตัวเขาเพิ่งถูกขู่ฆ่าผ่านสังคมออนไลน์ และไม่เชื่อว่า จะมีใครมาปกป้อง แม้การกระทำของผู้นั้นมีความผิดทางอาญา 

นายธนาธร ยืนยันว่า ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง และขอสร้างพรรคอนาคตใหม่ให้มีความแข็งแรง ไม่ยึดติดกับตัวเขาเพียงคนเดียว ดังนั้น พรรคจึงใช้ระบบการระดมทุน เพราะไม่อยากให้ยึดโยงกับใครคนใดคนหนึ่ง และไม่ให้ใครมีอิทธิพลเหนือพรรคการเมือง

นายธนาธรกล่าวยอมรับว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้ลงคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทย แต่หากเห็นว่า พรรคเพื่อไทยสามารถเป็นตัวแทนของเขาได้ ตัวเขาจะไม่ลงมาเล่นการเมืองเช่นนี้

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เปรียบปัญหาของประเทศไทยเสมือน “รถที่ติดล่ม” เราในฐานะคนไทยต้องช่วยกันแก้ปัญหา เพราะปัญหาของประเทศไทยไม่ได้เกิดจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจากหลายภาคส่วน หากถามว่าประเทศไทยจะเดินหน้าอย่างไร แน่นอนการรัฐประหารต้องไม่เกิดขึ้นอีก ทุกคนต้องมีศรัทธากับระบอบประชาธิปไตย แม้จะไม่ใช่ระบอบที่ดีที่สุด แต่เป็นระบอบที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้น หากมีการเลือกตั้ง คนที่แพ้เลือกตั้งต้องยอมรับผล และปล่อยให้ผู้ชนะได้ทำงาน แทนที่จะไม่ยอมรับ และใช้ข้ออ้างเรื่องของเผด็จการรัฐสภา มาสร้างความชอบธรรม

ในฐานะนักการเมือง ต้องมีส่วนรับผิดชอบกับปัญหาทั้งหมด โดยต้องปฏิรูปตัวเอง และจะดีหรือไม่ดี ประชาชนจะเป็นคนลงโทษเองด้วยผลของการเลือกตั้ง และต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ภาพของนักการเมืองเป็นคนเลวหายไป เพราะหากติดภาพลักษณ์เช่นนี้ จะทำให้ไม่มีใครกล้ามาเล่นการเมือง

นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เห็นว่า ประเทศไทยจะเดินพ้นปัญหา หากทุกฝ่ายเคารพกติกา ไม่สนับสนุน หรือ ยอมรับการรัฐประหาร ส่วนรัฐธรรมนูญอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แต่ต้องยอมรับว่า ประชาชนต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ ในฐานะพรรคการเมือง แม้รับรู้ว่า จะมีกับดักมากมายในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ตอนนี้ทำได้เพียงเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และยอมรับผลของมัน ส่วนตัวเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไป คือ การเซตซีโร่ทางการเมือง ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน แต่ความได้เปรียบของแต่ละพรรคจะขึ้นอยู่กับนโยบาย แล้วเมื่อเลือกตั้งเสร็จให้ระบบรัฐสภา หรือ ภาคประชาชน เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ในฐานะคนการเมืองรุ่นใหม่และหลานชายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องปรับตัวใน 2 ด้าน คือการนำประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย การลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมพัฒนาศักยภาพด้านการศึกษา โดยยืนยันว่าไม่สนับสนุนการรัฐประหาร ขณะเดียวกันต้องการเห็น การเดินหน้าด้วยระบอบประชาธิปไตย ที่ไม่ใช่ ประชาธิปไตยแค่กระบวนการ หรือการใช้เสียงข้างมากเท่านั้น แต่จำเป็นต้องเป็นรูปแบบของระบอบเสรีนิยมประชาธิปไตย ที่ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ขณะเดียวเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จำเป็นต้องยึดหลักเสรีนิยมประชาธิปไตยมากขึ้น

ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ยึดแนวทางการตรวจสอบ การทุจริตคอร์รัปชั่นจนทำให้สังคมมองว่า ละเลยหลักการ เสรีนิยมประชาธิปไตย และเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม อนาคตจึงต้องการเห็นพรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่ปรับแนวทางการทำงาน ยึดแนวทางการใช้นโยบายในการขับเคลื่อน แสดงความเป็นเสรีนิยมประชาธิปไตยให้มากขึ้น