ไม่พบผลการค้นหา
World Trend - มูลค่า 'บิตคอยน์' ตกลงต่ำสุดในรอบเดือน - Short Clip
World Trend - เกาหลีเล็งสร้างโรงงาน AI 2,000 แห่ง ภายใน 2030 - Short Clip
World Trend - รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่ยาครอบจักรวาล - Short Clip
World Trend - มหาเศรษฐีโลกรวยขึ้นวันละ 2,500 ล้านดอลลาร์ - Short Clip
World Trend - อินเทลบรรลุเป้า 'ความหลากหลายด้านกำลังคน' - Short Clip
World Trend - 'ชุดเช่า' เทรนด์ธุรกิจแฟชั่นที่ยังไปได้อีกไกล - Short Clip
World Trend - เนเธอร์แลนด์ลงทุนเพิ่มให้คนใช้จักรยานมากขึ้น - Short Clip
World Trend - ชิลีเล็งใช้รถพลังงานไฟฟ้าเพิ่ม 10 เท่าในปี 2022 - Short Clip
World Trend - แฮกเกอร์เล็งเจาะเกมออนไลน์เพิ่มขึ้นในปี 2019 - Short Clip
World Trend - 'เนื้อทางเลือก' หรือเนื้อสัตว์ในอนาคตจะมาจากแล็บ? - Short Clip
World Trend - ​สหรัฐฯ ปรับเฟซบุ๊กแสนล้าน กรณีข้อมูลรั่ว - Short Clip
World Trend - มนุษย์ยังคงพิเศษกว่า เพราะเอไอ 'ขำไม่เป็น' - Short Clip
World Trend - จีนตั้งเป้าเป็น 'มหาอำนาจภาพยนตร์' - Short Clip
World Trend - ​อัลฟาเบตลงทุนเพิ่มหมื่นล้านกับ 'เมืองใหม่' - Short Clip
World Trend - 'ทรัมป์' สั่งหน่วยงานรัฐเร่งวิจัยเอไอ - Short Clip
World Trend - เมื่อ 'โรคอ้วน' ไม่ได้เกิดจากตัวบุคคลเสมอไป - Short Clip
World Trend - ​คาด 'เงินพนัน' สะพัดเป็นประวัติการณ์ในซูเปอร์โบวล์ปีนี้ - Short Clip
World Trend - ​'บาหลี' ยังไม่รักษ์โลกพอ - เร่งลดพลาสติกในทะเล - Short Clip
World Trend - กูเกิลยุติโครงการตั้งสภาจริยธรรมเอไอ - Short Clip
World Trend - กูเกิลทุ่มงบแก้ปัญหาการเคหะในซานฟรานซิสโก - Short Clip
World Trend - ความเจริญของเอไอทำร้ายประเทศกำลังพัฒนา? - Short Clip
Sep 18, 2018 16:31

คอลัมนิสต์ Bloomberg ออกมาเขียนบทความระบุว่า ความเจริญของเอไออาจจะกำลังทำร้ายประเทศกำลังพัฒนา และแต่ละประเทศต้องหาวิธีรับมืออย่างเท่าทัน

ท่ามกลางการเปิดตัวนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ใส่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ เข้าไป Bloomberg ก็เพิ่งตีพิมพ์บทความที่เป็นความเห็นส่วนตัวของคอลัมนิสต์รับเชิญ หลี่ไคฟู่ นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ ที่ระบุว่า 'เอไออาจขัดขวางความเจริญของประเทศกำลังพัฒนา'

งานวิจัยส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบของเอไอต่ออาชีพและเศรษฐกิจโดยรวมมักศึกษาในประเทศพัฒนาพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร แต่จากที่นายหลี่ได้ศึกษา และผ่านประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีและการลงทุนมามากมายทั้งในฝั่งสหรัฐฯ และจีน เขากลับพบว่าเอไอจะส่งผลกระทบมากที่สุด ในตลาดประเทศกำลังพัฒนาเขาระบุว่า ในช่วงทศวรรษหลัง ๆ ที่ผ่านมา จีนและอินเดียเป็นประเทศที่พิสูจน์ตัวเอง ด้วยโมเดลการบริหารที่แตกต่างกัน ในการเติบโตเป็นประเทศที่ก้าวหน้า โดยจีนมีประชากรจำนวนมาก และกลายเป็นแหล่งแรงงานระดับล่างราคาถูกในการผลิตสินค้าและเทคโนโลยีคุณภาพสูง

ขณะที่ อินเดียมีประชากรพูดอังกฤษได้จำนวนมาก และกลายเป็นแหล่งแรงงานระดับกลางราคาถูก ที่รับหน้าที่ 'เอาต์ซอร์ส' และสนับสนุนผู้ประกอบการต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจซอฟต์แวร์ ซึ่งหากบริษัทใดประสบความสำเร็จสูง ก็จะเติบโตขึ้นเป็นแรงงานทักษะสูงต่อไป

ทั้งสองโมเดลมีจุดแข็งเดียวกันที่การมีต้นสูงแรงงานต่ำ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานในภาคการผลิต เช่น พนักงานในโรงงาน และแรงงานที่ต้องใช้ทักษะความรับรู้ เช่น พนักงานคอลเซ็นเตอร์ อย่างไรก็ตาม นายหลี่ คอลัมนิสต์ดังนี้ ให้ความเห็นว่า เทคโนโลยีเอไอมีลักษณะการทำงานตรงกับแรงงานทั้งสองกลุ่มนี้พอดี

ทั้งนี้ เพราะเอไอเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับการ 'ผลิตซ้ำ' ไม่ว่าจะเป็นการทำสายการผลิตในโรงงานเป็นระบบอัตโนมัติ หรือการพูดหรือตอบคำถามซ้ำ ๆ ในการบริการลูกค้า โดยที่ต้นทุนการจ้างงานเอไอก็ถูกกว่าแรงงานค่าจ้างขั้นต่ำในประเทศกำลังพัฒนา และการทำงานล่วงเวลาของระบบ ก็ไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพงาน หรือกฎหมายแรงงานใด ๆ ด้วย เท่ากับว่า เอไอสามารถทำงานได้อย่างไม่มีข้อจำกัด แบบที่คนทั่วไปมีนายหลี่ ยกตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ ด้วยการกล่าวว่า 'เอไอที่ซ่อมบำรุงไอโฟนของคุณไม่หยุดตรุษจีน' และแน่นอนว่า 'เอไอไม่ประท้วงขอขึ้นค่าแรง'

ในทางกลับกัน เอไอในประเทศพัฒนาแล้ว และเป็นผู้นำด้านเอ���อ จะใช้งานเอไอในเชิงดาตา ยิ่งมีดาตา หรือ ข้อมูลมากเท่าไร ยิ่งสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมากเท่านั้น คุณภาพสูงเท่าไร ลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น และลูกค้าเพิ่มขึ้นเท่าไร ข้อมูลที่ได้ก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น กลายเป็นความสำเร็จที่ต่อยอดกันเองอย่างไม่สิ้นสุด

บริษัทที่ปรึกษาชื่อดังอย่าง ไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์ เคยรวบรวมข้อมูลและประเมินว่า เอไอจะทำเงินได้ทั่วโลก 15,700,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 512 ล้านล้านบาท ภายในปี 2030 โดยที่ 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนดังกล่าวอยู่ในสหรัฐฯ และจีน

การคาดการณ์นี้ชี้ว่า โมเดลการผลิตดั้งเดิมแบบจีนและอินเดียจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป และจีนในยุคใหม่จะหันไปพึ่งพาเทคโนโลยี และสร้างความมั่งคั่งในรูปแบบอื่นแทน นายหลี่ แนะนำว่า ประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ควรหันไปพัฒนาอุตสาหกรรมการบริการที่มี 'คน' เป็นหัวใจหลักให้แข็งแกร่ง เพราะไม่ว่าจะมีหุ่นยนต์ที่ก้าวหน้าและเหมือนคนเท่าไร ก็ไม่สามารถทดแทนการบริการที่อบอุ่นของคนได้ นั่นคือ อุตสาหกรรมที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับประเทศจะได้แก่ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม แผนกบริการลูกค้า และบริการดูแลผู้สูงอายุ โดยที่ทั้งหมดนี้สามารถเลือกนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เช่นกัน

ปัจจัยสำคัญหนึ่งคือ รัฐบาลต่อสนับสนุนการศึกษาด้านเอไอ โดยที่ต้องค้นหาและฝึกฝนคนที่เก่งเฉพาะด้านให้ได้เร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ก็ต้องสนับสนุนให้มีบริษัทภายในประเทศนำเอไอมาใช้ให้มากขึ้น ซึ่งอาจต้องเริ่มจากการสร้างพันธมิตรกับองค์กรที่เชี่ยวชาญในสหรัฐฯ หรือจีนก่อน และเมื่อสามารถทำให้เอไอเป็นสิ่งที่นานาชาติแบ่งปันกันได้แล้ว ก็จะไม่มีสถานะเป็นภัยคุกคาม หรือภาระทางเศรษฐกิจอีกต่อไป

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
184Article
76559Video
0Blog