สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติประกาศให้ 'วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก' หรือ 'วันสื่อมวลชนโลก' ตรงกับวันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปี เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของเสรีภาพสื่อและย้ำเตือนรัฐบาลถึงหน้าที่เคารพและสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งได้รับการคุ้มครองตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 19 และเป็นเครื่องหมายวันครบรอบปฏิญญาวินด์ฮุก อันเป็นคำแถลงหลักสื่อมวลชนเสรีซึ่งนักหนังสือพิมพ์ชาวแอฟริการวบรวมไว้ในปี 2534
โดยในปีนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ได้ร่วมกันรณรงค์ ภายใต้คำขวัญ 'ทวงคืนเสรีภาพสื่อ ปลดล็อกคำสั่ง คสช.'
ด้านเว็บไซต์ ilaw ได้รายงานว่า ในประเทศไทยมีกฎเกณฑ์จำนวนมากที่จำกัดการนำเสนอเนื้อหาของสื่อ ส่งผลให้สื่อไม่สามารถทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของผู้มีอำนาจในรัฐได้เต็มที่ โดยนอกจากกฎหมายปกติ เช่น กฎหมายหมิ่นประมาททั้งทางแพ่งและอาญา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯแล้ว ในยุคคสช.ยังมีการใช้อำนาจพิเศษออกประกาศและคำสั่ง คสช. จำนวนมากมาจำกัดการนำเสนอเรื่องราวของสื่อเพิ่มเติมด้วย ได้แก่
1. ประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 และ 103/2557 ซึ่งใช้มาเกือบสี่ปีเต็มแล้ว กำหนดห้ามสื่อนำเสนอข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความสับสนหรือความขัดแย้ง ข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ห้ามวิจารณ์ คสช. โดยไม่สุจริตด้วยข้อมูลเท็จ ฯลฯ และยังกำหนดให้สื่อทุกแห่งมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลตามที่ได้รับแจ้งจาก คสช. ด้วย
2. คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 41/2559 ที่ออกโดยอาศัยอำนาจ "มาตรา 44" กำหนดให้ กสทช. เป็นองค์กรที่มีอำนาจตีความและบังคับใช้ ประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 และ 103/2557 หากสื่อใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับตั้งแต่ 50,000-500,000 บาท ถูกพักใช้ใบอนุญาต หรือถูกสั่งปิดสถานีได้ โดยเจ้าหน้าที่ กสทช. ที่่ใช้อำนาจตามคำสั่งนี้ได้รับความคุ้มครอง ยกเว้นความผิดเป็นกรณีพิเศษ
3. คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 ที่ออกโดยอาศัยอำนาจ "มาตรา 44" เพื่อใช้แทนกฎอัยการศึก มีข้อ 5. กำหนดว่า ในกรณีจําเป็น ให้ทหารยศร้อยตรีขึ้นไปที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากหัวหน้าคสช.ให้เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งนี้ มีอํานาจออกคําสั่งห้ามการเสนอข่าว การจําหน่าย หรือทําให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทําให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทําให้เกิดความเข้าใจผิดจนกระทบต่อความมั่นคงของชาติหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนได้ โดยการใช้อำนาจตามคำสั่งนี้ไม่มีหน่วยงานใดที่สามาารถเข้ามาตรวจสอบหรือถ่วงดุลการใช้อำนาจของทหารได้ และผู้ใช้อำนาจตามคำสั่งนี้ก็ได้รับความคุ้มครอ�� ยกเว้นความผิดเป็นกรณีพิเศษเช่นกัน
4. ประกาศ คสช. ฉบับที่ 26/2557 ให้อำนาจแก่ปลัดกระทรวงไอซีที ซึ่งภายหลังเปลี่ยนเป็นกระทรวงดิจิทัลฯ แต่งตั้งคณะทำงานด้านสื่อสังคมออนไลน์ขึ้นมาชุดหนึ่ง มีอำนาจตรวจสอบและสั่งระงับการเผยแพร่เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาปลุกระดม ต่อต้าน คสช. ได้โดยไม่ต้องขอหมายจากศาล และไม่ต้องผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองตามขั้นตอนของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
ในทางปฏิบัติอำนาจเหล่านี้เคยถูกนำมาใช้สั่งปิดสถานีโทรทัศน์ที่มีจุดยืนตรงข้ามกับ คสช. เช่น วอยซ์ทีวี พีซทีวี ทีวี24 รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ดีเอ็มซี ทีวีธรรมกาย และ คสช. ยังเคยใช้อำนาจพิเศษต่างหากสั่งให้ปิดสถานีฟ้าให้ทีวีอีกแห่งหนึ่งด้วย