ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ เผยที่ประชุม ครม. มีมติประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยกระดับสู้โควิด-19 พร้อมตั้ง ศอฉ.โควิด ครวญงบกลางใช้ไปเยอะต้องดัน พ.ร.ก.กู้เงินดูแลผลกระทบของประชาชน วอนอย่าแห่กลับภูมิลำเนา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเร้นซ์ ว่า ที่ประชุมมีมติให้ประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เพื่อยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจะประกาศใช้วันที่ 26 มี.ค. นี้ เมื่อประกาศแล้วจะจัดตั้งคณะกรรมการที่รับผิดชอบต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ขณะเดียวกัน ที่ประชุม ครม.ออกมาตราการหลายอย่าง เกี่ยวกับการเยียวยาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 เพื่อให้ประชาชน มีเงินใช้จ่าย โดยขอให้ประหยัด ใช้เงินที่มีให้พอเพียง ให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยมาตราการต่างๆ จะทยอยมาตามลำดับ เพราะไม่ทราบว่า การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จะยาวนานเท่าไร ซึ่งวันนี้จากการที่กระทรวงสาธารณสุขชี้แจง มีผู้เสียชีวิตอีก 3 ราย โดยเป็นผู้ป่วยติดเชื้อที่สูงอายุ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้แถลงสาเหตุการเสียชีวิตแล้ว และเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ที่จะต้องมีงบประมาณรองรับ จะต้องมีการเงินกู้ เพราะงบประมาณปี 2563 ค่อนข้างที่จะจำกัด งบกลางมีการใช้จ่ายไปแล้วเหลือน้อยมาก จำเป็นต้องหาเงินมาเข้าระบบให้มากขึ้น จึงจะต้องมีการออก พ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อเตรียมรองรับมาตราการระยะที่ 3 และ 4 ในการดูแลประชาชน และผู้ประกอบการให้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน การคลัง และภาษี และวันนี้ที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาบังคับใช้ มีผลวันที่ 26 มีนาคม ถึง 26 เมษายน ระยะเวลา 1 เดือน ทั่วประเทศ 

จ่อตั้ง ศอฉ.โควิด วอนประชาชนอย่ากลับภูมิลำเนาไม่อยากให้เดือดร้อน

และเพื่อให้การทำงานคล่องตัว จะมีการยกระดับ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ให้เป็น ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศูนย์ ศอฉ.โควิด โดยมีการตั้งคณะกรรมการที่รับผิดชอบ โดยมีปลัดกระทรวงแต่ละกระทรวง เป็นหัวหน้าส่วนงานรับผิดชอบ ซึ่งประกาศเดิมจะมีกานปรับปรุงแก้ไข โดยอำนาจต่างๆ จะมาอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ในการบูรณาการ ซึ่งจะมีผลเริ่มวันที่ 26 มี.ค.นี้ ที่จะมีการประชุม ในเวลา 09.30น. ของทุกวัน เพื่อให้แต่ละหน่วยงาน รายงานสถานการณ์ พร้อมทั้งออกมาตราการ ก่อนที่จะมีการประกาศคำสั่งออกไป 

ซึ่งหลังตั้งศูนย์ ศอฉ.โควิด สามารถที่จะออกประกาศคำสั่งได้ตลอดเวลา โดยเบื้องต้นจะเป็นการประกาศขอความร่วมมือ เพื่อลดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 และอาจจะมีบังคับเป็นบางเรื่อง จากนั้นจะมีมาตราการที่เข้มข้นในการเปิด-ปิด พื้นที่ต่างๆ ซึ่งอยู่ที่ความร่วมมือของประชาชน ยืนยัน ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน แต่สถานการณ์ปัจจุบันมีความจำเป็นในการดูแลสุขภาพ รัฐบาลมุ่งมั่นเต็มที่ในการดูแลสุขภาพประชาชน ให้ได้มากที่สุด จึงขอความร่วมมืออย่าเพิ่งเดินทางกลับภูมิเนา ถึงกลับจะต้องเจอมาตราการต่างๆ ในการคัดกรองตรวจสอบระหว่างทาง เหมือนที่ทำมาโดยตลอด และจะให้เวลาประชาชนในการปรับตัว

ทั้งนี้สาระสำคัญของพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีรายละเอียดดังนี้

  • ห้ามมิให้บุคคลใดออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นบุคคลซึ่งได้รับยกเว้น
  • ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย
  • ห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือสิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือทั่วราชอาณาจักร
  • ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ
  • ห้ามการใช้อาคาร หรือเข้าไปหรืออยู่ในสถานที่ใดๆ
  • ให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยของประชาชนดังกล่าว หรือห้ามผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ที่กำหนด