วันที่ 3 ส.ค. ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเลื่อนแถลงจัดตั้งรัฐบาลที่เดิมจะมีขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ ว่า สืบเนื่องจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณา คำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินออกไป โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จึงได้ประสานไปยังประธานรัฐสภาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ซึ่งต่อมาประธานรัฐสภา ได้คำสั่งเลื่อนการโหวตนายกออกไปจนถึงวันที่ 16 ส.ค.และคาดว่าหลังจากนั้น 1 สัปดาห์อาจจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี ถ้าหากไม่ติดอะไร และในเมื่อเลื่อนไปก็ไม่ควรจะทำอะไรให้มากไปกว่านี้
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเสียงในการโหวตนายกฯ ไม่เพียงพอนั้น ภูมิธรรม ยืนยันว่าเสียงที่ได้ตอนนี้เพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ว่าเมื่อเลื่อยโหวตนายกฯ อออกไป เราก็มีเวลาในการทำงานมากขึ้น การจะแสวงหาความร่วมมือทุกฝ่าย ยิ่งมีเวลามากยิ่งมีประโยชน์ โดยเราจะรอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเสร็จสิ้น และประธานรัฐสภาบรรจุวาระการโหวตนายกฯ เราก็พร้อมที่จะแถลงข่าวร่วมกันทั้งหมด
ส่วนจะเปิดเผยได้หรือไม่ ว่าเสียงที่เพียงพอนั้นมาจากพรรคการเมืองใดบ้าง ภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้รอ แต่ยืนยันว่ามีเสียงเดิม จากขั้ว 8 พรรค จำนวนพอสมควร และเสียงจากขั้วรัฐบาลเดิม อีกจำนวนหนึ่ง และจริงๆ ต้องมีเสียง สว. อีก เพราะขณะนี้เราอยู่ภายใต้วิกฤติของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ที่ต้องได้เสียงเกิน 375 เสียง และเราต้องหาให้ได้ 375 เสียง ดังนั้นเราก็ต้องการให้ได้เสียง สส.ให้มากที่สุด และมั่นคง เพื่อจะได้เกิดรัฐบาลที่มั่นคง สามารถบริหารทิศทางการทำงานได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเราก็อยากได้เสียง สว.ให้มากขึ้น เพราะเราจะเป็นรัฐบาลที่เข้ามากู้วิกฤติได้ ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย และเราจะทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองคลี่คลายลงไป
ส่วนกรณีกระแสข่าวว่าจะไม่มีพรรคสองลุงในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ภูมิธรรม ขอให้การตัดสินใจอย่างชัดเจน และวันนี้เรายังคงที่จะแสวงหาความร่วมมือต่างๆ แต่เราก็รู่ว่ามีข้อจำกัดและมีสิ่งที่ประชาชนรู้สึกว่าเป็นปัญหาอยู่ เรายืนยันว่าเราคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ และวันที่เราจะแถลงเราจะเปิดเผยให้ทราบชัดเจน เรายืนยันว่าขณะนี้ เป็นการแสวงหาเสียงสนับสนุนการโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเราแยกชัดจากการจัดตั้งรัฐบาล การแสวงหาความร่วมมือที่มากขึ้นนั้น จะทำให้เห็นฉันทามติของการร่วมกันเข้ามาตั้งรัฐบาลต่อไป
ส่วนประเด็นที่มีการเปิดเผยจากทางพรรคก้าวไกลว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ขอให้ก้าวไกลถอยหรือลดเงื่อนไข ม.112 รวมถึงกรณีการขอให้พรรคก้าวไกล ไม่โหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทยนั้น ภูมิธรรม ยืนยันไม่เป็นความจริง เพราะในที่ประชุม 2 พรรควันนั้น ตนได้เรียนไปว่า ได้ยุติเอ็มโอยูแล้ว ทุกฝ่ายมีอิสระต่อกัน ส่วนหากพรรคก้าวไกลจะโหวตนายกฯ ให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ สส.และเราต้องการทำงานการเมืองในมิติใหม่ เรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เราก็ให้การสนับสนุน อย่างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องการแก้ เราก็จะสนับสนุนคุณ แม้พรรคก้าวไกล ไม่ได้ร่วมรัฐบาล กับพรรคเพื่อไทย แต่เราไม่จำเป็นต้องค้านทุกเรื่องไปตลอด เพราะนี่คือวาระแห่งชาติที่เราจะทำร่วมกัน รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เราร่วมกันตกลงในเอ็มโอยู ที่ตรงกับพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล เรายินดีสนับสนุนเต็มที่ รวมถึงกฎหมาย อืนๆ แม้จะไม่ได้อยู่ในเอ็มโอยู เราก็ยินดีสนับสนุนถ้าเป็นประโยชน์กับประชาชน แต่เรื่องที่เรายืนยันไม่เอาแน่นอน คือเรื่องการแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะเราปฏิเสธมาตั้งแต่เอ็มโอยู ครั้งแรกและครั้งที่สอง ซึ่งที่เรากล่าวทั้งหมดกับพรรคก้าวไกล เป็นแบบนี้ และตนเชื่อว่า ทีมเจรจาพรรคก้าวไกล สามารถยืนยันในสิ่งที่ตนพูดได้
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยบอกให้พรรคก้าวไกล ถอย ม.112 นั้น ภูมิธรรม ยืนยันมีความคลาดเคลื่อน เพราะเราพูดตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่า ถ้าในเอ็มโอยู มีการแก้ 112 เราไม่เซ็น และเราขอสงวนและไม่ร่วม หลังจากนั้นก็ได้มีการถอดออกไป และในการเซ็นเอ็มโอยู ครั้งที่สอง ก็ได้มีการใส่เข้ามา พรรคเพื่อไทยก็ได้ขอให้มีการถอดออก ซึ่งถือว่าเราได้แสดงท่าทีชัดเจนต่อพรรคก้าวไกลมาตลอด ส่วนจะไปแก้ทางอื่นหรือไม่อย่างไรก็ไปก็ไม่ว่า แต่เราจะขอไม่ให้อยู่ใน MOU ส่วนครั้งนี้ก็เช่นกันหลังจากส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย ก็มีพรรคเล็กใน 8 พรรค ถามว่า เรื่อง 112 พรรคก้าวไกล จะว่าอย่างไร ซึ่งพรรคก้าวไกล ได้บอกว่าไม่ใช่ประเด็นหลักของพรรคก้าวไกล เพราะยังมีประเด็นอื่นอีก และอยากให้ไปช่วยถามพรรคอื่นๆ ให้ด้วย ว่าให้พรรคก้าวไกลทำอย่างไร ซึ่งต่อมาพรรคเพื่อไทยได้เชิญทุกพรรคมา เพื่อถามเรื่องนี้กับทุกพรรคการเมืองตามที่ได้รับมอบหมาย มีเพียงพรรคชาติพัฒนากล้าพรรคเดียวเท่านั้น ที่บอกว่าหากมี ม.112 ในMOU จะไม่เซ็น ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ส่วนพรรคอื่นๆ นอกจากมีจุดยืนเหมือนพรรคชาติพัฒนากล้าแล้ว ยังไปไกลถึงขนาดที่ว่าไม่สามารถร่วมงานทางการเมืองกับพรรคก้าวไกลได้ ซึ่งแนวโน้มออกมาเป็นแบบนี้ เราได้แจ้งพรรคก้าวไกล ไปแล้ว ในวันที่เจอกันครั้งสุดท้าย ว่าเราคุยทุกพรรคแล้วออกมาเป็นแบบนี้ ดังนั้น ตั้งแต่เริ่มต้นพรรคเพื่อไทย ได้มีท่าทีและจุดยืนที่ชัดเจนต่อเรื่อง ม.112 มาโดยตลอด เราทวงถามชัดเจน หลังจากที่ มอบอำนาจให้เราไปทำ ซึ่งเขาให้เราช่วยหาทางออกให้เขา ซึ่งตนยืนยันสิ่งที่ตนพูดทั้งหมด
เมื่อถามว่าถ้าพรรคก้าวไกลโหวต เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายก สว. อาจไม่ยกมือให้ ภูมิธรรม ระบุว่า ถ้าโหวตให้ก็ขอบคุณ แต่ถ้าไม่โหวตให้ ก็ไม่เป็นไร ถ้าพูดด้วยความสุภาพ ไม่กดดันกันก็เป็นสิทธิ์ที่เพิ่มหรือลดคะแนนให้ เราก็ได้พูดตรงไปตรงมาที่สุด ไม่มีอะไรเคลือบแฝง
“ถือว่าพรรคที่ได้เข้าสภาครั้งนี้ เป็นตัวแทนของทุกพรรค หากจะเดินหน้าไปได้ ประเทศต้องปรองดอง การฟังทุกความคิดของทุกพรรคการเมือง ของทุกกลุ่ม ที่มีตัวแทนเลือกเข้ามาอยู่แล้ว เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถ้าเป็นรัฐบาลที่ขึ้นมาจากความหลากหลาย ก็จะได้รับความยอมรับ อยู่ที่ว่าพรรคไหนร่วมกันอย่างไร หรือสังคมเห็นอย่างไรสิ่งนั้นจะเป็นคำตอบ”
ส่วนเรื่องที่ ชูวิทย์ ออกมาแฉ เศรษฐานั้น จะกระทบต่อการเป็นถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ หรือไม่ ภูมิธรรม ระบุว่า ถ้าไม่ผิดกฎหมายก็ไม่เป็นอะไรเป็นเรื่องของเศรษฐา
ส่วนกรณีการเลื่อนกำหนดการกลับบ้านของ ทักษิณ ชินวัตร ภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ยังยืนยันตามกำหนดการเดิม ขึ้นอยู่กับท่าน และครอบครัวว่าอย่างไร ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากทางครอบครัว