วันที่ 20 มี.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 27 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 วันแรกของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 วาระที่ 2-3 ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ในการพิจารณามาตรา 4 ว่าด้วยงบรวม ศิริกัญญา ตันสกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการฯ ที่สงวนความเห็น ได้กล่าวอภิปราย
โดย ศิริกัญญา ได้ขอปรับลดงบประมาณลง 30,000 ล้านบาท พร้อมยกเหตุผลว่า งบประมาณเบิกจ่ายล่าช้า และมีการอนุมัติงบใช้ไปพลางก่อนแล้วถึง 1.8 ล้านล้านบาท เหลือมูลค่าที่สภาสามารถพิจารณาได้จริง 1.68 ล้านล้านบาท หรือไม่ถึงครึ่งหนึ่ง โดยรัฐบาลขาดประสิทธิภาพในการเร่งรัดการจ่ายงบประมาณ เพราะงบใช้ไปพลาง ก่อนโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน เบิกจ่ายไปได้เพียง 55% ภายใน 6 เดือน จึงสมควรถูกตัดงบลง
นอกจากนี้ ศิริกัญญา ยังกังวลว่าประมาณการรายได้อาจผิดพลาด รัฐบาลได้ออกนโยบายที่จะกระทบการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลหลายส่วน เช่น จะไม่เก็บภาษีการขายหุ้น ทำนโยบายลดหย่อนกองทุน ESG ลดการนำส่งรายได้ของ กฟผ. ลดภาษีสรรพสามิต ค่าใช้จ่ายราคาน้ำมัน การคำนวณแล้ว มีความเสี่ยงที่จะประมาณการรายได้พลาด 110,000 ล้านบาท และจัดเก็บงบประมาณได้จริงไม่ถึง 2.787 ล้านล้านบาท ตามที่ประมาณการไว้
ปัญหาที่ตามมาคือ หากรายได้พลาดเป้า รัฐบาลต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อชดเชยการขาดดุล 693,000 ล้านบาท เสี่ยงต่อการชนเพดานเงินกู้ซึ่งอยู่ที่ 790,656 ล้านบาท อีกเพียง 97,656 ล้านบาท จะชนเพดาน ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นจะทำอย่างไร แน่นอนว่าใครของบก่อน ได้ก่อน จึงเห็นว่าควรต้องมาจัดสรรลำดับความสำคัญกันใหม่ ด้วยการปรับลดงบประมาณลงเล็กน้อย เพื่อให้สถานะทางการคลังของประเทศไม่สะดุดหยุดลง
ศิริกัญญา ชี้ด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งเสนอตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นสำหรับปี 2568 ได้แก่ งบประชาสัมพันธ์ ฝึกอบรมและดูงาน ค่าใช้จ่ายเดินทางต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายในการเช่ายานพาหนะ ลดการบรรจุอัตรากำลังใหม่ แต่ตอนนี้ งบประมาณปี 2568 หน่วยรับงบประมาณได้ส่งคำขอกันไปตั้งแต่ 2 ก.พ. 2567 นายกรัฐมนตรีเพิ่งทราบรายงานหรือไม่ ทำให้น่าเสียดายที่ไม่มีคำสั่งในลักษณะนี้มาตั้งแต่การมอบนโยบาย