27 ก.พ. 2566 ที่สวนและลานกีฬา ซอยอยู่ดี เขตสาทร กรุงเทพมหานคร อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย เปิดเผยว่า อนุทินเคยเสนอเงินจำนวน 50 ล้านบาทเพื่อช่วยหาเสียงให้พรรคภูมิใจไทยในกรุงเทพมหานคร โดยอนุทินได้หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไม่รู้จะชี้แจงอะไรเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้น เป็นเพียงการมโนบางอย่างของชูวิทย์หรือเปล่า พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่เคยทำแบบนั้น ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับชูวิทย์ ส่วนเงิน 50 ล้านบาทนั้น ก็ไม่เคยเสนอให้ แต่ยอมรับว่า ความสัมพันธ์กับชูวิทย์มีมานาน รู้จักกันมา 10 กว่าปี ส่วนใหญ่จะเป็นการให้กำลังใจกัน ไม่เคยมีอะไรที่ขัดแย้งกัน และไม่เคยมีอะไรที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ซึ่งตนเองยังคิดไม่ออกว่าทำไมถึงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็เลยไม่อยากใส่ใจ และเข้าใจว่าชูวิทย์คงมีความจำเป็นบางประการที่ต้องทำเช่นนี้กับคนที่เคยเรียกว่าเพื่อน
“รุ่นพ่อ และรุ่นลูกต่างเป็นเพื่อนกัน อยู่เมืองนอก ผมก็ดูแลเทคแคร์ลูกๆ ของผม และลูกของชูวิทย์ด้วย ผมขอเก็บความทรงจำที่ดีเอาไว้ดีกว่า เพราะด้วยวิถีชีวิตแบบนี้ ชาตินี้ก็คงไม่ต้องคบหากันอีกแล้วก็จะจำสิ่งดีๆ เอาไว้ จะได้ไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีต่อกัน” อนุทิน กล่าว
อนุทิน ยังกล่าวอีกว่า จะกลับไปสานสัมพันธ์เชื่อมต่อกันก็คงลำบากเพราะไม่ใช่เรื่องของตนเองกับชูวิทย์ แต่เป็นเรื่องของพรรคภูมิใจไทย เป็นเรื่องของบุคคลที่ตนเองเคารพ หากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็คงลำบากใจ และจะถือว่า ในวันที่ยังดีกันอยู่ก็ยังดีต่อกันมาตลอด ขณะเดียวกัน ยังเห็นว่า เวลาจะพูดอะไรต้องพูดด้วยความจริงให้ครบ ยืนยัยไม่เคยโทรหาชูวิทย์ก่อน เบอร์ชูวิทย์โทรเข้ามาก็เป็น ‘No Caller ID’ เป็นเบอร์ไม่โชว์ จนรู้ว่าเบอร์ที่โทรมาเป็นเบอร์ชูวิทย์ก็จะโทรกลับไปทุกครั้ง ใครโทรมาหาก็จะโทรกลับทุกครั้ง
ล่าสุดเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ชูวิทย์โทรมาก็ยังให้กำลังใจตนเองในการทำพื้นที่กทม. และบอกชูวิทย์กลับไปว่า หากมีอะไรให้ช่วยได้ยินดีที่จะช่วย แต่ยอมรับว่า ได้มีการคุยกันเรื่องการเลือกตั้งครั้งนี้แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด เพราะเที่ยวนี้ได้ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ มาเป็นแม่ทัพกทม. ก็เหลือแต่เพียงว่า “โอเคมากินข้าวกัน”
ขณะเดียวกันตอนที่ชูวิทย์เปิดโปงเรื่องตู้ห่าว ตนก็ยังโทรศัพท์ไปให้กำลังใจ แต่นึกไม่ถึงว่าไมตรีจิตจะถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนคนไม่รู้จักกันได้เร็วขนาดนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วในอาทิตย์นี้จะมีการนัดกินข้าวกัน แต่ก็คงไม่ทันได้นัด คงไม่มี และคงไม่ได้กินข้าวกันแล้ว
ส่วนที่มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขบุกไปตรวจค้นบาร์กัญชาที่เช่าพื้นที่ในโรงแรมเดวิสของชูวิทย์ ตนก็ไม่ทราบว่ากระทรวงสาธารณสุขส่งคนไป และก็ไม่ใช่นิสัยของอนุทิน ช่วงนี้เริ่มจะปล่อยวางงานประจำในกระทรวง เพราะอีก 2 อาทิตย์อายุของรัฐบาลชุดนี้ก็จะจบแล้ว และจะเป็นเพียงรัฐมนตรีรักษาการ และรู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เริ่มเก็บของในห้องทำงาน คงไม่มีเวลาเข้าไปทำงานในกระทรวงแล้ว ส่วนจะมีใครเอาใจสั่งให้คนไปตรวจค้นหรือไม่ ยืนยันว่า ไม่ทราบ และคนในกระทรวงสาธารณสุขทำงานด้วยกันมา 4 ปี จะรู้สไตล์การทำงานว่า ไม่ต้องให้คนมาเอาใจ เพราะยิ่งให้ใครมาเอาใจจะเป็นการเสียเวลากับตนมาก ตนยึดงานเป็นหลัก พร้อมยืนยันว่า ไปค้นร้านไม่ใช่คำสั่งของอนุทินแน่นอน เพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้ถือว่าต้องไปเอาคืน ไม่ใช่คนที่มีอุปนิสัยอย่างนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คนที่รู้จักอนุทินดีจะทราบ หากตนเองจะทำจะเอาคืนชูวิทย์ ไม่มีหรอกที่จะตีงูให้หลังหัก หรือไปทำเพื่อให้เกิดสัญลักษณ์ ไม่ใช่แน่นอน ทำแล้วต้องเห็นผล เห็นผิดเห็นถูกกันอย่างชัดเจน
“ไม่มีอะไรจะฝากไปถึงชูวิทย์ เพราะเราก็คงไม่มีอะไรต่อกันแล้ว ให้ต่างคนต่างใช้ชีวิตตามวิถีทางของตนเองให้ดีที่สุด หากวันพรุ่งนี้ถ้าชูวิทย์จะบุกไปหาถึงทำเนียบรัฐบาลก็จะไม่ออกมาเจอ ไม่มีความจำเป็น และไม่ใช่หน้าที่” อนุทิน กล่าว