ให้หลังปรากฎการณ์ 'อนาคตใหม่' จากการได้รับความนิยมด้วยคะแนนเสียงกว่า 6 ล้าน กลายเป็นคลื่นลูกใหม่ทางการเมือง ที่กำลังถูกจับตาว่าพวกเขาจะฝ่าด่านเข้าไปในสภาได้หรือใหม่ เมื่อต้องเผชิญกับ 'ฝ่ายกฎหมายคสช.' และการโจมตีจากผู้นำเหล่าทัพ
หากนึกถึง 'มือกฎหมาย' ในเมืองไทย ที่มีชื่อเสียง เชื่อว่าหลายคนคงมีบุคคลที่นิยมชมชอบในใจ ไม่ว่าจะเป็น สองสมาชิกคณะนิติราษฎร์ ศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่พลิกชีวิตมาสวมหมวก 'นักการเมือง' สังกัดพรรคอนาคตใหม่ หรือ คณะทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
แต่ในห้วงเวลานี้ชื่อของ 'พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ' ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กำลังเป็นที่สนใจที่สุด โดยเฉพาะฝากฝั่งฝ่ายประชาธิปไตย ตั้งแต่ระดับมวลชนจนถึงระดับแกนนำ หลายคนได้ถูกดำเนินคดีความเอาผิด ไม่ว่าจะเป็นข้อหาชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ 5 คน ข้อหายุยงปลุกปั่น มาตรา 116 หรือแม้กระทั่ง คดีความผิดมาตรา 112 ฐานหมิ่นสถาบันกษัตริย์ ล้วนมาจาก พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ
วอยซ์ออนไลน์ รวบรวมผลงานการเข้าแจ้งความที่ทำให้นักเคลื่อนไหวต่อสู้หลายคน ต้องเดินเข้าออกทั้ง 'ศาลพลเรือน' และ 'ศาลทหาร' ตลอดระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่คสช. ได้ก้าวย่างเข้ามาปกครองประเทศไทย
'112 - ยุคแห่งการปรับทัศนคติ'
ปี 2557 พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ (ยศขณะนั้น) ในฐานะนายทหารพระราชธรรมนูญ ได้เข้าแจ้งความเอาผิด นายเจษฎากร ชาวนครปฐม และ น.ส.จารุวรรณ ชาวเพชรบูรณ์ ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 สืบเนื่องจากได้โพสต์ภาพและข้อความที่มีการใส่ความทำให้เกิดความเกลียดชังต่อสถาบันกษัตริย์ นอกจากนี้ยังเป็นคณะทหารที่ปรับทัศนคติ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) และพวก หลังถูกควบตัวเมื่อครั้งออกมาเคลื่อนไหว
ปี 2558 ขณะที่สังคมกำลังตั้งคำถามถึงความฉ้อฉลในการใช้งบสร้าง 'อุทยานราชภักดิ์' ที่ส่อว่าจะมีการทุจริต ทำให้กลุ่มประชาชนที่นำโดย จ่านิว-สิริวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายอานนท์ นำภา และพวกรวม 8 คน นัดกันจัดกิจกรรม 'นั่งรถไฟไปส่องโกง' แต่ความตั้งใจก็ไปไม่ถึง เมื่อโบกี้ขบวนที่บรรทุกคณะถูกตัด และตามหลังมาด้วยความผิดข้อหา ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12 เรื่อง ชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ซึ่งล่าสุดคดีดังกล่าวยุติแล้ว เนื่องจากมีการประกาศยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558
'บุรินทร์' ฟ้อง 'บุรินทร์'
ปี 2559 มีการจับกุม 8 ผู้ต้องหา ที่จัดทำเพจเฟซบุ๊กล้อเลียนเสียดสีการเมือง โดย พ.อ.บุรินทร์ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อเอาผิดข้อหา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต่อนาย 'บุรินทร์ อินติน' หลังจากทหารได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมและอ้างว่าพบข้อความในลักษณะหมิ่นเบื้องสูง
เอาผิดคนส่ง 'ปู'
ปี 2560 อุณหภูมิการเมืองยังคงร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ พ.อ.บุรินทร์ ได้แจ้งความเอาผิด พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 โดยอ้างว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถพาอดีตนายกรัฐมนตรี 'นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรง' หลบหนีออกนอกประเทศ
'คนอยากเลือกตั้ง' ที่ไปไม่ถึงทำเนียบ
ปี 2561 ประชาชนในนามกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่นำโดย นายรังสิมันต์ โรม นางสาวณัฏฐา มหัทธนา ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนในปีดังกล่าว ตามคำสัญญาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. จนนำไปสู่การนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 22 พฤษภาคม หรือครบรอบ 4 ปี รัฐบาลประหารโดยคสช.
โดยนับตั้งแต่กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ออกมาเคลื่อนไหวตั้งแต่ช่วงต้นปี ก็ถูก พ.อ.บุรินทร์ แจ้งข้อหาในหลายคดี โดยเฉพาะคดียอดฮิต ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมฯ และขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน
'ขวากหนาม' ของ 'อนาคตใหม่'
ปี 2562 แม้ว่าจะเพิ่งผ่านการเลือกตั้งไป เมื่อ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ความร้อนแรงทางการเมืองยังพุ่งขึ้นสูง เมื่อคนรุ่นใหม่ในนาม 'อนาคตใหม่' พรรคการเมืองปีกประชาธิปไตย ที่ประสบความสำเร็จได้คะแนนเสียงอย่างถล่มทลาย ด้วยปรากฎการณ์ 'ธนาธรฟีเวอร์' ที่ปักธงสังคายนาโครงสร้างประเทศไทย แต่แล้วความตรึงเครียดก็เริ่มกลับสู่จุดเดิมอีกครั้ง เมื่อล่าสุด พ.อ.บุรินทร์ ได้ร้องทุกข์เอาผิดนายธนาธร ด้วยข้อกล่าวหาเป็นภัยต่อความมั่นคง และมีการออกหมายเรียก นายปิยบุตร จากกรณีอ่านแถลงการณ์เมื่อครั้งยุบพรรคไทยรักษาชาติ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลมีเดีย
ทั้งหมดที่หยิบยกมานี้ เป็นเพียงแค่บางคดี เพราะในห้วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา หลายคนที่ออกมาต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย ถูกดำเนินคดีและลี้ภัยออกนอกประเทศ รวมถึงการ 'หายสาบสูญ' ไม่ว่าจะเป็น ไผ่ ดาวดิน, ทอม ดันดี, สุรชัย แซ่ด่าน, สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และ เอกชัย หงส์กังวาน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ก็คงอยากเห็นประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตย ไม่ต่างจากคนไทยที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้.