ไม่พบผลการค้นหา
'ศิริกัญญา' เผยพอเดาได้อยู่แล้ว 'เพื่อไทย' จับมือ 'รทสช.' ตั้งแต่เชิญมาดื่มมินต์ช็อก เคารพการตัดสินใจแต่ผิดหวัง ชี้หันหลังให้ประชาชนก็มีราคาต้องจ่าย

วันที่ 18 ส.ค. ที่พรรคก้าวไกล ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยระบุว่า ก็คงจะชัดเจนแล้วว่ามีทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ จึงคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องงดออกเสียง ก็คงจะต้องเป็นไม่เห็นชอบ อย่างไรก็ตาม ต้องรอมติจากที่ประชุม สส. ในวันที่ 21 ส.ค. อีกครั้ง 

ศิริกัญญา ยังกล่าวว่า ก็พอคาดเดาได้เป็นระยะๆ ว่าจะเกิดเหตุลักษณะนี้ เพราะสัญญาณก็เริ่มออกตั้งแต่ พรรคเพื่อไทย เชิญ 2 พรรคลุงไปหารือที่พรรค และมีการดื่มมินต์ช็อกร่วมกัน เราก็เริ่มเห็นว่าอาจจะมีการเข้าร่วมรัฐบาลกัน พอเดาทิศทางได้ แต่ก็รู้สึกผิดหวัง ไม่คิดว่าจะมาถึงวันนี้ เพราะเราคิดว่าถ้าเราจับมือกันแน่นก็ยังพอต่อสู้กับอำนาจนอกระบบได้

เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองอย่างไรบ้างที่มีการใช้คำว่า 'รัฐบาลแห่งชาติ' เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ศิริกัญญา กล่าวว่า ถ้าประเทศจะเดินหน้าไปได้ก็สามารถออกได้หลายทาง ไม่ใช่ทางนี้ แต่ถ้าจะเป็นการยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจริง เราก็ยินดีด้วยว่าทั้ง 2 ฝั่งไม่ต้องมาทะเลาะกัน แต่ถ้าเป็นรัฐบาลแห่งชาติจริงก็คงจะไม่สร้างคู่ขัดแย้งใหม่ขึ้นมา คือไม่ทะเลาะกับเพื่อไทยแล้ว แต่มาทะเลาะกับก้าวไกล

และหากต้องถอยออกมาเป็นฝ่ายค้าน พร้อมทำหน้าที่หรือไม่ ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็เริ่มทำแล้ว พร้อมทำงานเต็มที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน ถึงไม่ได้เป็นรัฐบาล ประชาชนก็ยังเข้าใจและให้กำลังใจมาโดยตลอด ได้ยินแบบนี้เราก็มีกำลังใจทำงาน เริ่มทำงานฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ งานในสภาฝ่ายนิติบัญญติไม่จำเป็นต้องมีฝ่ายอยู่แล้ว ก็เดินหน้ายื่นกฎหมายเป็นระยะๆ ตอนนี้ก็เริ่มตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานรัฐตามปกติ 

ส่วนตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลนั้น ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็ต้องพูดคุยกัน เพราะในวันนี้ สถานะของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังคงอยู่ระหว่างหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. แปลว่าเราจะไม่มีหัวหน้าพรรคในสภา เราจึงยังไม่รีบที่จะตัดสินใจว่า จะเอาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ รอให้คดีของ พิธา คลี่คลายก่อน แล้วค่อยมาคุยกันดีกว่า 

ส่วนถ้าการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จก่อน ประเมินไว้อย่างไรบ้าง ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็ไม่มีผลอะไร สถานะของผู้นำฝ่ายค้านฯ ไม่ได้มีผลต่อการทำงานในฐานะฝ่ายค้านเลย อาจจะมีผลในเรื่องงที่จะต้องเป็นตัวแทนอยู่ในคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ในเมื่อหัวหน้าพรรคเรายังไม่ได้เข้าสภา เราจึงคิดว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน 

ขณะที่ประเมินการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้จะอยู่เป็นเวลาเท่าไหร่ ศิริกัญญา กล่าวว่า ในแง่ดีคือพรรคเพื่อไทย เคยระบุว่า ถ้าสามารถร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งสำเร็จ ก็จะยุบสภาทันที กรอบเวลาก็ค่อนข้างชัดเจน ขึ้นอยู่กับอายุของ สสร. ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ 

"แต่ก็ต้องให้โอกาสรัฐบาลใหม่ได้ทำงานดูว่าจะมีข้อขัดแย้งอย่างไรหรือไม่ ที่อาจนำไปสู่การยุบสภาก่อนโดยไม่ต้องรอให้รัฐธรรมนูญแก้เสร็จ แต่ไม่ถึง 4 ปีแน่นอน แต่หากเกินคือมีเจตนาที่จะยืดระยะเวลาออกไป"

ส่วนการโหวตนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค. นี้ ศิริกัญญากล่าวว่า เป็นเรื่องที่เดายากเพราะตอนนี้เรานั่งอยู่วงนอก ได้แต่คอยดูว่าจะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่ามี สว. บางส่วนที่ออกมาพูดว่าอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่เชื่อว่าคงไม่ใช่ สว. ทั้งหมด ยังเอาใจช่วยให้การโหวตนายกฯ ครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี 

"เราต้องเคารพการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย การตัดสินใจอะไรไปต้องมีผลที่ตามมาแน่นอน เราได้พูดไปแล้วว่า การตัดสินใจครั้งนี้มีราคาที่ต้องจ่ายสูง การที่ไม่ฟังเสียงประชาชนและหันหลังให้กับคำสัญญาที่เคยให้ไว้ มันก็คงต้องมีอะไรตอบแทนที่มากไปกว่าการจัดตั้งรัฐบาล ที่อยู่เบื้องหลังทำให้จำเป็นที่จะต้องทำ ก็พยายามทำความเข้าใจ" ศิริกัญญา กล่าว