นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ชี้แจงที่ประชุมสภาระหว่างพิจารณา พ.ร.ก. 3 ฉบับที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า การที่สมาชิกมีเรื่องกังวลในการกู้เงินครั้งนี้ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนนั้น ตนขอเรียนสมาชิกว่ารัฐบาลมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน และสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลักไม่น้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์เพื่อให้มีความเข้มแข็งขึ้น รัฐบาลได้วางกรอบไว้อย่างครอบคลุม หากเกิดวิกฤตเช่นนี้ขึ้นอีก เราจะได้เตรียมการรับมือ เป็นการบริหารตามมาตรฐานสากล นั่นคือยึดเป้าหมายความยั่งยืนของประชาชน มีความมั่นคงทางการเงินระยะยาว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการจัดสรรงบประมาณโครงการต่าง ๆ
นายอุตตม กล่าวต่อว่า ในส่วนการจัดการเงินกู้ เบิกจ่ายเงินกู้ การชำระเงินกู้ ซึ่งการบริหารจัดการจะทำโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และกระทรวงการคลังจะทำการกู้เงินด้วยแผนระยะยาว เพื่อให้กระจายตัวอย่างมีระบบ รวมถึงมีการบริหารความเสี่ยงด้วย ในส่วนของ พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ตนขอยืนยันว่า ไม่ใช่การกู้เงิน เราไม่ได้มีปัญหาขาดสภาพคล่อง แต่เรากำลังเผชิญปัญหาเรื่องกลไกของสภาพคล่องที่ไม่ปกติในสถานการณ์ตอนนี้ พ.ร.ก.ฉบับนี้เป็นการให้อำนาจชั่วคราวกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อกระจายสภาพคล่องอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการหลักในการดูแลธุรกิจเอสเอ็มอีรายเล็ก รายย่อย ที่มีพื้นฐานที่ดี เพื่อให้กระจายไปทั่วประเทศ นี่เป็นเพียงหนึ่งในชุดมาตรการ ไม่ใช่เป็นเพียงมาตรการเดียวในการแก้ไขปัญหาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งยังมีมาตรการอื่นในการช่วยเหลือผู้ประกอบการอีกหลายทาง เนื่องจากว่าแต่ละธุรกิจก็จะมีปัญหาที่แตกต่างกันไป จึงจำเป็นที่จะต้องมีหลายวิธีการในการดูแล
นายอุตตม ยังกล่าวต่อว่า อีกมาตรการหนึ่งที่รัฐบาลได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแล คือ การทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกรายสามารถปรับตัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้ เนื่องจากธุรกิจเอสเอ็มอีถือเป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่สำคัญมากของประเทศ เราจึงต้องการสนับสนุน เกื้อหนุน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งทรัพยากรและบุคคลากรเพื่อให้เกิดความพร้อมและก้าวไปข้างหน้าได้ในช่วงภายหลังวิกฤตโควิด วันนี้จึงไม่ได้หยุดแค่เรื่องการฟื้นฟู แต่รัฐบาลกำลังเดินไปข้างหน้าแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง