วันที่ 28 พ.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวในการอภิปรายพิจารณากฎหมายว่าด้วยการเงิน 4 ฉบับ รวมวงเงิน 1.98 ล้านล้านบาท ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีประชาชน 5 แสนคน เดือดร้อนจากพิษไวรัสโควิด และอีก 66,500,000 คน เดือดร้อนจากพิษการบริหารผิดพลาดของรัฐ การทุจริตหาผลประโยชน์จากอุปกรณ์ทางการแพทย์ การบริหารสภาวะวิกฤตล้มเหลว โดยใช้โควิด–19 เป็นข้ออ้างสร้างความมั่นคงให้รัฐบาล เพราะการต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน ชัดเจนว่า เพื่อรักษาความมั่นคงต่ออายุให้รัฐบาลชุบชีวิตตัวเอง เพราะทุกคนรู้ดีว่าก่อนการแพร่ระบาดของโรคสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร
ถ้ารัฐบาลละอายและเกรงกลัวต่อบาป ก็อย่าอ้างผลสำเร็จในการควบคุมโรคว่าเป็นผลงานของตัวเอง เพราะความสำเร็จของการควบคุมโรค เกิดจากความร่วมมือของประชาชน ความรู้ความสามารถของแพทย์ และระบบสาธารณสุขของประเทศ ที่แม้ไม่มีรัฐบาลชุดนี้คนกลุ่มนี้ก็ควบคุมโควิดได้ ส่วนพ.ร.ก.ฉุกเฉินควรยกเลิกได้แล้ว เพราะเป็นมาตรการยาแรงในการใช้รักษาโรค ตอนนี้โรคหายแล้ว แต่คนกำลังจะตาย นายกฯควรรีบฟื้นฟูให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ
"โควิด–19 คือ แพะที่รัฐบาลใช้แสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง เป็นโล่ป้องกันการทำงานที่ผิดพลาดของท่าน การจะพิจารณาว่าจะอนุมัติพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ส่วนตัวให้คะแนนสอบตก ถ้าเห็นแก่ประชาชนก็จะขอพิจารณาในวันสุดท้าย สำหรับข้อเสนอหลังจากนี้ ได้แก่ การขึ้นทะเบียนอาชีพ ปรับปรุงฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร การจัดตั้งกองทุนคุ้มครองกลุ่มอาชีพอิสระต่างๆ การตั้งกมธ.วิสามัญติดตามการใช้เงินกู้ โดยในวันที่ 28 พ.ค.พรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติด่วนต่อประธานสภาฯ ให้มีการตั้งคณะ กมธ.วิสามัญฯ และให้มีการตรวจสอบจากภาคประชาชนคู่ขนานไปกับสภาด้วย" นพ.ชลน่าน กล่าว
อ่านเพิ่มเติม