ไม่พบผลการค้นหา
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จับมือกันครั้งแรก ในการพบหน้ากันอย่างเป็นทางการหลังจากที่ไบเดนได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อ 2 ปีก่อน และสีเองที่เพิ่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนในวาระที่ 3 ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด โดยเฉพาะประเด็นช่องแคบไต้หวัน

ไบเดนและสีได้จับมือกันในโรงแรมมูเลียบนเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย หลังจากที่ทั้งสองผู้นำเดินทางมาร่วมการประชุม G20 โดยสีกับไบเดนนั่งบนโต๊ะเจรจาคู่ พร้อมกันกับคณะรัฐมนตรีของแต่ละฝ่ายที่ใส่หน้ากากอนามัย เพื่อรักษามาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่ยังคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ แม้ประธานาธิบดีจีนจะมีการเดินทางออกนอกประเทศแล้วก็ตาม

สีกล่าวต่อไบเดนในการพบหน้ากันครั้งแรกว่า “ท่านประธานาธิบดี ผมรู้สึกดีใจที่ได้พบหน้าท่าน ครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกันที่ที่ดาวอสเป็นเวลานานมากกว่า 5 ปีที่แล้ว” ทั้งนี้ สีกับไบเดนเคยหารือกับผ่านระบยบวิดีโอคอนเฟรอเรนซ์เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความตึงเครียดในปัญหาช่องแคบไต้หวัน “นับตั้งแต่ท่านเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เรายังคงติดต่อทางโทรศัพท์ ทางออนไลน์ แต่ไม่มีอะไรมาทดแทนการพบหน้ากันได้ และวันนี้เรามีนัดกันแบบเห็นหน้ากันแล้ว”

“เราได้รับประสบการณ์ แต่ยังได้เรียนรู้บทเรียน ประวัติศาสตร์เป็นตำราที่ดีที่สุด ดังนั้นเราควรนำประวัติศาสตร์มาเป็นกระจกเงา” สีกล่าวกับไบเดน “ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอยู่ในสถานการณ์และเราใส่ใจมากเกี่ยวกับเรื่องนี้…ในฐานะผู้นำของ 2 ประเทศหลัก เราจำเป็นต้องสร้างแผนสูตรที่ถูกต้อง เราจำเป็นต้องค้นหาทิศทางที่ถูกต้องสำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคตและยกระดับความสัมพันธ์" สีย้ำ

“โลกคาดหวังให้สหรัฐฯ และจีนจัดการความสัมพันธ์อย่างเหมาะสม การประชุมของเราได้รับความสนใจจากทั่วโลก เราจำเป็นต้องทำงานร่วมกับทุกประเทศเพื่อสร้างสันติภาพของโลก” สีกล่าวกับไบเดน “ในการหารือของเรา เราจำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับประเด็นที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์… ผมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับท่าน” สีระบุ

ในการตอบกลับ ไบเดนระบุกับสีในการพบหน้ากันครั้งแรกว่า สหรัฐฯ ตระหนักถึงความสำคัญในการหลีกเลี่ยง“ความขัดแย้ง” ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ไบเดนตอกย้ำว่า ตน “มุ่งมั่นที่จะยังคงสายการสื่อสารระหว่างเราที่จะยังเปิดอยู่” เพื่อที่ทั้งสองชาติจะสามารถ “ทำงานร่วมกันในประเด็นเร่งด่วนของโลก” ซึ่งรวมถึงปัญหาสภาพอากาศและความไม่มั่นคง ไบเดนย้ำอีกว่าโลก “คาดหวัง” ให้ทั้งสองชาติทำงานร่วมกันในฐานะหุ้นส่วน

ก่อนหน้านี้ในการประชุมอาเซียนที่กรุงพนมเปญ ไบเดนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนการพบกับสีว่า “เรามีความเข้าใจผิดกันน้อยมาก เราแค่ต้องคิดให้ออกว่าเส้นกั้นสีแดงอยู่ตรงไหน และ... อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราแต่ละคนในอีก 2 ปีข้างหน้า” ไบเดนกล่าวหลังพรรคเดโมแครตสามารถคว้าชัยชนะที่นั่งในวุฒิสภาได้ ในขณะที่พรรครีพับลิกันมีท่าทีที่จะสามารถครองเสียงข้างมากกว่าเล็กน้อยในสภาผู้แทนราษฎร

ก่อนหน้านี้ ไบเดนวิจารณ์จีนจากปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งประเด็นชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง การปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ตลอดจนความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับไต้หวัน ที่ไบเดนออกมากล่าวย้ำหลายรอบว่า สหรัฐฯ พร้อมปกป้องไต้หวัน หากจีนเข้ารุกรานเกาะดังกล่าว ในขณะที่สีเองออกมาวิจารณ์ถึงความพยายามดังกล่าวของสหรัฐฯ พร้อมระบุกับไบเดนว่า “อย่าเล่นกับไฟ”

ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับจีนเกิดความตึงเครียดสูงสุดในรอบหลายปี หลังจากที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวันอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้จีนทำการซ้อมรับขนาดใหญ่รอบเกาะไต้หวัน เพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐฯ